AEC อ่วมพิษหุ้นกู้ 'บินไทย'ฉุดเงินกองทุนต่ำเกณฑ์

 AEC อ่วมพิษหุ้นกู้ 'บินไทย'ฉุดเงินกองทุนต่ำเกณฑ์

บล.เออีซี ชี้ เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ ต่ำเกณฑ์ เหตุ ปรับค่าความเสี่ยงหุ้นกู้อินเวสต์เมนต์เกรดในพอร์ตเป็น100%หลังTHAIถูกหั่นเรทติ้งเป็นC เตรียมให้ลูกค้าย้ายพอร์ตไปโบรกอื่นภายใน10วัน พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาเสร็จใน 90 วันตามแผน หวังกลับมาดำเนินธุรกิจปกติ

 นายชองอี ไต้   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)หรือ AEC  แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NC) และและอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากว่าในการคำนวณเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ที่มีการลงทุนในสัดส่วนที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับ NC ของบริษัทฯ จะต้องคำนวณ Large Exposure Risk - "LER" วิธีที่ 2 ตามประกาศ  ที่ สธ. 50/2560 และ สธ.61/2562 เรื่องการคำนวณและรายงานการคำนวณเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ 

บริษัทฯ ได้มีการลงทุนในหุ้นกู้ THAI (ที่ถูกลดcredit rating จาก A เป็น C อย่างกะทันหัน) และหุ้นกู้อื่นที่ถือถึงแม้จะเป็น Investment gradeที่สูงมากในระดับไม่ต่ำกว่า BBB ถึง AA ได้แก่ หุ้นกู้ PTTGC SGP BAM BTS EA FPTซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีฐานะการเงินมั่นคงเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหุ้นกู้ TUC ซึ่งเป็นหุ้นกู้ของบริษัท ทรูมูฟเอชยูนิเวอร์แซลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (เป็นบริษัทย่อยของบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น สัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 100%) และหุ้นกู้ TBEV ซึ่งเป็นหุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

  ทั้งนี้ด้วยการลงทุนในหุ้นกู้ข้างต้นมีมูลค่าในแต่ละรายการในสัดส่วนที่สูงเกินกว่าร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับNC ของบริษัทฯ จึงเป็นเหตุให้บริษัทฯ ต้องคำนวณค่าความเสี่ยง LER วิธีที่ 2โดยปรับค่าความเสี่ยงของหุ้นกู้ที่มีการลงทุนในสัดส่วนที่สูงเกินกว่าร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับ NCของบริษัทฯ เป็น 100% ทำให้หุ้นกู้ดังกล่าวไม่สามารถนับเป็น liquid asset ตามหลักการ NC ได้ทั้งจำนวนถึงแม้ว่าผู้ออกหุ้นกู้ดังกล่าวยังมีฐานะการเงินมั่นคงและมี credit rating ดีและยังคงคาดว่าจะได้รับการชำระหนี้คืน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับ NC และ NCRต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

  บริษัทจะดำเนินการยื่นแผนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ภายใน 30 วัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาไว้ดังนี้ แผนระยะสั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2563  มีมติให้ดำเนินการระดมทุนด้วยการกู้ยืมเงินด้อยสิทธิ การขายหุ้นสามัญที่บริษัทฯ ถือครองอยู่ และการลดPort การลงทุนในห้นกู้ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการ

ส่วนแผนระยะยาว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ได้มีมติเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลโดยเฉพาะเจาะจง จำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จกลางเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งจะทำให้ระดับ NC และ NCR กลับมาเป็นบวก และอยู่ในเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด และขออนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้บริษัทกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติได้ สำหรับการออกหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาทนั้น ในกรณีที่การออกหุ้นเพิ่มทุน ไม่ทำให้ระดับ NC และ NCR อยู่ในระดับที่เป็นบวก หรือตามเกณฑ์ที่กำหนดบริษัทจะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิให้มีมูลค่าเพียงพอที่จะทำให้ระดับ NC และ NCR เป็นบวก หรือตามเกณฑ์ที่กำหนด

อย่างไรก็ตามระหว่างที่บริษัทฯ กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนนั้น จะมีผลกระทบดังนี้
1. ลูกค้าจะไม่สามารถเพิ่มสถานะการลงทุนในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในทุกประเภทบัญชี ,บัญชีกองทุนส่วนบุคคล และบัญชีซื้อขายหน่วยลงทุน
2. บริษัทฯ จะดำเนินการโอนย้ายบัญชีและทรัพย์สินของลูกค้าภายในระยะเวลาตามที่เกณฑ์กำหนด ทั้งนี้ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของลูกค้า บริษัทจะดำเนินการโอนย้ายตามความประสงค์ของลูกค้าให้แล้วเสร็จภายใน 10วันทำการ เว้นแต่จะได้รับการผ่อนผันระยะเวลาจากสำนักงาน ก.ล.ต.แต่หากมีความจำเป็นและสมควรเพื่อป้องกันมิให้มูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าได้รับความเสียหาย
3. บริษัทฯ จะยังคงรับคำสั่งจากลูกค้าในการลดหรือปิดสถานะการลงทุนในหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้
4. ส่วนธุรกิจการเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย และธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้
5. ธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ที่ดำเนินงานมาก่อนการระงับการทำธุรกิจ บริษัทยังคงดำเนินการดูแลลูกค้าต่อไปได้

สำหรับผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ กล่าวคือไตรมาส1ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 34.41 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 15.31 ลบ. (44.49%), ค่าธรรมเนียมและบริการอื่น10.24 ลบ. (29.76%),(เช่น รายได้ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหุ้นกู้,รายได้ที่ปรึกษาทางการเงิน, รายได้กองส่วนบุคคล, รายได้การให้ยืม/ยืมหลักทรัพย์,รายได้จากการแนะนำลงทุนตั๋วแลกเงิน, รายได้ค่านายหน้าในการซื้อขายหน่วยลงทุน),กำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุน, รายได้ดอกเบี้ย, รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์


ทั้งนี้ภายหลังถูกระงับการดำเนินธุรกิจบริษัทจะยังคงมีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาทางการเงินจากสัญญาเดิมก่อนการระงับการทำธุรกิจ และรายได้ค่านายหน้าจากการที่ลูกค้าขายหลักทรัพย์เท่านั้นส่วนค่าใช้จ่ายจะลดลงจากค่าใช้จ่ายผันแปรจากการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ การหยุดประกอบธุรกิจดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท แม้ว่าจะมีการขาย Port ลงทุนที่เป็นหุ้นกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องตามข้างต้น
บริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการตามแผนงานที่ยื่นต่อสำนักงาน กลต. ให้แล้วเสร็จ ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ภายใน 90 วัน แต่อย่างไรก็ตามแผนงานทั้งหมดบริษัทฯ จะเร่งดำเนินการเพื่อให้เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NC)และอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) อยู่ในระดับตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยเร็วที่สุดและขออนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้กลับมาประกอบธุรกิจได้ตามปกติ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทฯจะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อผู้ลงทุนให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป