นายกฯสั่งเอาผิดเด็ดขาด '5ครู' คดีโทรมนักเรียน

นายกฯสั่งเอาผิดเด็ดขาด '5ครู' คดีโทรมนักเรียน

นายกฯสั่งลงโทษเต็มอำนาจกฎหมาย คดี 5 ครูรุมโทรม 2 นักเรียน "สมศักดิ์" หวั่นคดีพลิก-ปิดปากพยาน ประสานอัยการใช้อำนาจพิเศษสอบพยาน ขณะที่ยุติธรรมเตรียมจัดหาทนายฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมจัดชุดคุ้มครอง

ความคืบหน้าคดีครู 5 คน และศิษย์เก่ารุ่นพี่ 2 คน ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ล่วงละเมิดนักเรียนหญิง ม.2 อายุ 14 ปี และนักเรียนหญิง ม.4  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุการณ์ว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และลงโทษเต็มอำนาจตามกฎหมายหากพบว่ามีการกระทำความผิดและมีหลักฐานชัดเจน อย่างไรก็ตามครูถือเป็นบุคลากรสำคัญ ดังนั้นต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและสังคม

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รับหนังสือจากนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก และนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว เรียกร้องให้ช่วยเหลือครอบครัวของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาที่ 2 และ 4 ผู้เสียหายที่ถูกครู 5 คนและรุ่นพี่ 2 คน ล่วงละเมิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน 

เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการประกันตัวทำให้เป็นห่วงว่าผู้เสียหายและครอบครัวอาจจะถูกข่มขู่คุกคาม เอาชีวิตและส่งผลเสียหายต่อรูปคดี เนื่อง จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ก่อเหตุจำนวนมากและอาจมีอิทธิพลอำนาจแฝงเข้ามาเกี่ยวข้อง

พร้อมเรียกร้อง2ข้อ  1. ขอสนับสนุนกระทรวงยุติธรรม ให้เร่งรัดกระบวนการนำเด็กนักเรียนผู้เสียหายและครอบครัว เข้าสู่การคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยเร็วที่สุด รวมถึงการเร่งรัดมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมเป็นการด่วน

2. นอกเหนือจากมิติด้านความปลอดภัยในกระบวนการคุ้มครองพยานแล้ว ข้อที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือการฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหายและครอบครัว ยิ่งกรณีนี้มีการข่มขืนจากครูหลายคนมาอย่างยาวนาน นอกจากการมีและใช้อำนาจของครูในทางฉ้อฉลแล้ว ยังสะท้อนความหวาดกลัวและด้อยในการต่อรองของนักเรียนที่เป็นผู้เสียหายด้วย จำเป็นต้องมีการฟื้นฟู การเสริมพลังเพื่อให้ผู้เสียหายเห็นคุณค่าของตัวเองและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

3.ขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งาน ในการระดมสมองเพื่อหาทางออกจากเขาวงกตที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ กับบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรในส่วนราชการ โดยเชิญภาคประชาสังคมที่มีประสบการณ์ด้านนี้ มาร่วมหาทางออกอย่างเป็นระบบ

4.ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารโดยไม่ละเมิดสิทธิเด็ก และครอบครัวผู้เสียหาย ระมัดระวัง ไม่ตอกย้ำหรือกดทับสร้างบาดแผลทางจิตใจซ้ำเติมทั้งทางตรงและทางอ้อม

กำชับเร่งดำเนินคดี

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากหารือกับมูลนิธิเด็กและเยาวชนแล้วมีความเห็นตรงกันว่าจำเป็นจะต้องเร่งเข้าไปให้การความช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำโดยเร็ว ซึ่งในวันนี้ (13 พ.ค.) นางทิชา จะเดินทางไปจ.มุกดาหาร เพื่อประสานเรื่องคดีเร่งรัดขอให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการจังหวัดมุกดาหารสืบพยานไว้ก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษของอัยการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 237 ทวิ 

กรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากจำเลยมีอิทธิพลต่อโจทก์ในการข่มขู่ เป็นครูอาจารย์ ส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจผู้เสียหาย และหากปล่อยเวลานานไปเด็กอาจไม่อยากไปให้ปากคำ ดังนั้นจึงจะเร่งประสานให้พนักงานสอบสวนประสานไปยังอัยการจังหวัดมุกดาหารเพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็ว

เหตุผลที่ใช้ในการขอใช้กฎหมายพิเศษ เพราะไม่อยากปล่อยไว้ในระยะยาวนั้นเพราะ พยานจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะสั้นได้ดี รวมทั้งร่องรอยการกระทำและพฤติกรรม ทำให้ศาลได้รับข้อมูลมากที่สุด หากมีการดำเนินด้วยความรวดเร็วก็จะไม่มีเหตุแทรกแซงที่ทำให้ญาติพี่น้องของผู้เสียหายเกิดความเบื่อหน่ายและยอมความ 

ซึ่งมีตัวอย่างจากคดีปกติเมื่อใช้เวลานาน 3 -6 เดือน ทำให้คดีพลิกผันกลายเป็นเรื่องอื่นในที่สุด หากทำได้เร็วก็จะไม่มีเหตุแทรกซ้อน เช่น มีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยอมความหรือทำให้คดีพลิก อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ขอให้มั่นใจว่าหากผู้กระทำผิดเห็นหลักฐานจากการไต่สวนพยานล่วงหน้าแล้ว อาจทำให้รับสารภาพได้ ซึ่งคดีประเภทนี้ตนไม่อยากให้จบลงด้วยการเจรจายอมความ เพราะผู้เสียหายเป็นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่ควรถูกกระทำในลักษณะนี้

ยธ.จัดชุดคุ้มครองพยาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายุติธรรมจังหวัดมุกดาหาร เตรียมจัดหาทนายฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกระทรวงศึกษาธิการ และได้เยียวยาเด็กไปแล้ว 1 ราย ส่วนอีก 1 รายจะขอรับหลังจากผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ส่วนศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหาร ยืนยันไม่กระทบต่อการเรียนการสอนที่จะเปิดเทอมในเร็ว ๆนี้ โดยบุคลากรครูเพียงพอ 

ส่วนการคุ้มครองพยานสำนักคุ้มครองพยาน โดยกรมคุ้มครองสิทธิ์ ได้สอบถามถึงความประสงค์ของการคุ้มครองพยาน ส่วนของเด็กชั้นม.2 ยังอยู่ที่บ้านกับตายาย และแม่ ส่วนนักเรียนอีกคนที่อยู่บ้านพักเด็ก ปลอดภัยดี สุขภาพก็ดีขึ้น ส่วนเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่จะเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการพิจารณาตอบแทน ซึ่งจะเร่งพิจารณาเยียวยาให้การช่วยเหลือได้เร็วยิ่งขึ้น ในวันที่ 27พ.ค. ที่จะถึงนี้

สั่งสอบร.ต.ท.ลวนลามนักเรียน

ขณะที่ความคืบหน้านักเรียนหญิงชั้น ม.3 และน้องสาวไปจ่ายค่าปรับคดีจราจรที่สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ แต่กลับถูกตำรวจมีอาการลักษณะคล้ายคนเมาพร้อมลวนลาม

ล่าสุดพล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ. 4 ลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมเข้าสอบถามเหตุการณ์กับผู้เสียหาย ก่อนเปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว ได้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้แสดงความเป็นห่วง เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งเกิดภาพลักษณ์ไม่เหมาะสม บั่นทอนขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้วย

จากรายงานทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.ท.คนดังกล่าวมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ในส่วนของการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดทางวินัยร้ายและอาญานั้น ได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา รอบคอบ รัดกุม ผิดว่าไปตามผิด อย่างไรก็ตาม

ด้านพล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมแก่เด็ก และลงโทษผู้กระทำผิด ทั้งนี้ทราบว่าในส่วนสภาพจิตใจของเด็กสาว ม.3 และน้องสาวผู้เสียหายนั้น สภาพจิตใจดีขึ้น โดยในส่วนของร.ต.ท.อุทิศ อ่อนประสงค์ มีตำแหน่งรองสวป.สภ.สหัสขันธ์ ผู้ก่อเหตุขณะนี้ได้มีคำสั่งให้เข้ามาช่วยราชการที่ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์โดยไม่มีกำหนด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ส่วนเรื่องของคดีอาญาก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน นอกจากนี้ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ยังจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบผู้บังคับบัญชาทั้งระดับผกก.และรองผกก.ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กรณีข้อบกพร่อง ปล่อยปละละเลยให้ดื่มสุราแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย