คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบตรวจหาเชื้อในกลุ่ม 'ประชากร-สถานที่เสี่ยง'

คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบตรวจหาเชื้อในกลุ่ม 'ประชากร-สถานที่เสี่ยง'

คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ รับทราบข้อเสนอแนวทางการผ่อนปรนกิจการ-กิจกรรมที่ควรเปิดหรือปิดในระยะนี้ และเห็นชอบแนวทางการตรวจหาเชื้อในกลุ่ม "ประชากรเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง" เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังโควิด-19

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563  ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 6/ 2563 โดยมีนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีทุกกรม ผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมประชุม

นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนเต็ม ที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาชน ได้ร่วมมือร่วมใจป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 จนประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ถือว่าประเทศไทยควบคุมโรคได้ โดยผู้ป่วยร้อยละ 90 หายป่วยกลับบ้านได้แล้ว พบผู้ป่วยรายใหม่เลขตัวเดียวติดต่อกัน 3 วันแล้ว

"วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องป้องกันการเข้ามาของผู้ป่วยจากต่างประเทศ โดยสำนักงานการบินพลเรือนได้ออกประกาศห้ามการเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศยานต่อไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และแม้ในระยะต่อไปจะมีมาตรการผ่อนปรน ก็ต้องมีการเตรียมตัวและมีมาตรการป้องกันความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสถานการณ์จะควบคุมได้ ไม่มีการระบาดภายในประเทศอีก" นายอนุทิน กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 9 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม

อัพเดทสถานการณ์ 'โควิด-19' จากไวรัสโคโรน่า (29 เมษายน 2563)

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในวันนี้ คณะกรรมการฯ ได้มีมติรับทราบข้อเสนอจากคณะกรรมการด้านวิชาการ ซึ่งสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้นำข้อเสนอแนวทางการผ่อนปรนกิจการ กิจกรรมในการควบคุมโรคโควิด-19 หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยเสนอแบ่งกลุ่มกิจการ/กิจกรรมที่สามารถเปิดกิจการได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1.กิจการ/ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวันระดับพื้นฐาน เช่น ร้านอาหารที่เปิดโล่ง ร้านตัดผมที่ไม่มีแอร์คอนดิชัน ตลาด

2.กิจการ/กิจกรรมที่มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก และต่อเศรษฐกิจและสังคม เช่น ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร นวดแผนไทย

3.กิจการ/ กิจกรรมที่เพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิต เช่น ฟิตเนส โรงยิม สปา กองถ่ายภาพยนตร์

และ 4.กิจการ/ กิจกรรมที่ไม่ควรให้เปิดดำเนินการ คือสถานที่ที่เป็นที่แออัด คับแคบ ปิดทึบ มืดสลัว ทำให้มองพื้นผิวสัมผัสไม่ชัดเจน และ/หรือมีกิจกรรมที่ทำให้ผู้คนต้องมีความใกล้ชิดกัน มีการรวมกลุ่มกัน มีการพูดคุยกันหรือส่งเสียงดัง เช่น สนามมวย บ่อน สถานบันเทิง

ทั้งนี้ ทุกกิจการ/กรรมต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และเน้นมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลทุกแห่ง ซึ่งได้เสนอข้อมูลดังกล่าวต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทราบแล้ว

158815268462

รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการตรวจหาเชื้อฯ เพื่อการเฝ้าระวังในกลุ่มประชากรเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังค้นหาผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ โดยเพิ่มอัตราการตรวจจาก 2,000 คนต่อประชากรล้านคน เป็น 5,000 คนต่อประชากรล้านคน ซึ่งจะทำให้มีความมั่นใจในการเฝ้าระวังและตรวจพบผู้ป่วยได้เร็ว

โดยกำหนดกลุ่มประชากรที่ต้องเฝ้าระวังเรียงลำดับ ดังนี้

1.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

2.ผู้ต้องขังรายใหม่

3.กลุ่มอาชีพที่พบปะผู้คนจำนวนมาก เช่น คนขับหรือพนักงานประจำรถสาธารณะ พนักงานไปรษณีย์ และพนักงาน

4.กลุ่มอื่นๆ ตามสถานการณ์ของพื้นที่ ทั้งนี้ต้องให้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร