'เลอโนโว' ชี้พนักงานกว่า 87% หัน Work From Home

'เลอโนโว' ชี้พนักงานกว่า 87% หัน Work From Home

'เลอโนโว' เผย พนักงานปัจจุบันกว่า 87% พร้อมเปลี่ยนการทำงานสู่เวิร์คกิ้งฟรอมโฮม (WFH) หากจำเป็น ระบุมีพนักงานมากถึง 77% ที่ต้องการให้บริษัทยอมรับการทำงานแบบเวิร์คฟรอมโฮม แม้ภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 หยุดลง

ผลสำรวจด้านทัศนคติต่อการทำงานในแบบเวิร์คฟรอมโฮมที่เลอโนโวจัดทำขึ้น สำรวจพนักงานในจีน ญี่ปุ่น เยอรมัน อิตาลี และสหรัฐอเมริกา พบว่า 87% ของพนักงานที่ถูกสำรวจพร้อมเปลี่ยนการทำงานให้เป็นแบบเวิร์คฟรอมโฮม โดยกว่า 46% ได้รับการส่งเสริมจากบริษัท และกว่า 26% ถูกมอบหมายให้ทำงานจากที่บ้าน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ยังพบว่า กว่า 77% ของพนักงานที่ถูกสำรวจหวังให้บริษัทมีนโยบายสนับสนุนการทำงานจากที่บ้านต่อไปในอนาคตหลังการแพร่ระบาดยุติลง

การปรับแผนการทำงานขององค์กรให้เอื้อต่อการทำงานแบบเวิร์คฟรอมโฮม เป็นไปได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากประสิทธิภาพ และราคาที่เข้าถึงได้ของโมบาย เทคโนโลยี ขณะที่อายุของกลุ่มคนทำงานเป็นตัวแปรสำคัญ โดยปัจจุบัน 60% ของคนทำงาน คือ คนในกลุ่มมิลเลนเนียล และเจนเนอเรชั่น แซด ซึ่งเติบโตมากับการใช้เทคโนโลยีอย่างวิดีโอ ทั้งเพื่อการเล่นเกม ซื้อสินค้าและการสื่อสาร คนกลุ่มนี้มีผลในการผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานนอกสถานที่ให้เพิ่มขึ้น

“ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เทคโนโลยี คือ ตัวผลักดันทำให้ธุรกิจเดินหน้า องค์กรจำเป็นต้องจัดหาเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารผ่านวิดีโอ หรือเครื่องมือสำหรับการเทรนพนักงานแม้จะไม่เจอหน้าแบบตัวต่อตัว เพื่อความสำเร็จของธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นายธเนศ กล่าว

ทั้งนี้ เลอโนโว ได้ออกคำแนะนำสำหรับพนักงานที่ทำงานจากนอกสถานที่ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ คอมพิวเตอร์ที่ใช้พกพาควรมีน้ำหนักเบา เชื่อมต่อกับระบบภายในขององค์กรได้มีประสิทธิภาพ มีโปรแกรมหรือแอพที่ติดตั้ง พร้อมใช้งานสำหรับการประชุม หรือการทำงานร่วมกัน อาจเสริมอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น ใช้หูฟังที่มีระบบตัดเสียงรบกวน ใช้จอขนาดใหญ่เชื่อมกับโน๊ตบุ๊คสำหรับงานที่ต้องใช้ความละเอียดในการมอง ใช้วิดีโอ คอล ให้เคยชิน การประชุมผ่านวิดีโอ การใช้เครื่องมือสำหรับแชร์ไฟล์เป็นประจำจะช่วยให้พนักงานรู้สึกเหมือนทำงานอยู่ในที่เดียวกัน