สธ.เตือนสงกรานต์อย่าสาด-อย่ารดน้ำ ระวัง!โควิด-19

สธ.เตือนสงกรานต์อย่าสาด-อย่ารดน้ำ ระวัง!โควิด-19

กรมอนามัยเผยคนไทยการ์ดตก อยู่บ้านลดเหลือแค่ 50 % ห่วงสงกรานต์ทำยอดติดโควิด-19ในครอบครัวพุ่ง ย้ำเลี่ยง 3 เสี่ยง ระบุเชื้อไวรัสอยู่ในน้ำ4-10 วัน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การที่จำนวนตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศไทยลดจำนวนลงเรื่อยๆ นั้น เป็นเพราะประชาชนให้ความร่วมมือดีในการลดระยะห่างทางสังคม ไม่ออกจากบ้าน ทำได้อยู่ที่ 70% แต่จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 พบว่าคนไทยการ์ดตกลงมาก โดยพบว่ามีการหยุดอยู่บ้านเพียง 50% ส่วนการออกนอกบ้านพบว่าเป็นการมาทำงานมากที่สุด รองลงมาคือการไปทำธุระส่วนตัว ทั้งนี้การออกจากบ้านจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างมาก ซึ่งปัจจุบันอัตราการแพร่เชื้อของผู้ป่วย 1 คน สามารถแพร่ต่อได้ประมาณ 1 คนกว่าๆ หากยังออกจากบ้านกันอยู่จะเพิ่มโอกาสแพร่จาก 1 กว่าๆ เป็น 2 คน 4 คน 6 คน เพิ่มขึ้นเท่าตัวไปเรื่อยๆ
ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม พบว่าการเดินทางของประชาชนลดลงไปกว่า 65 % แต่เริ่มพบสัญญาณ หลังเวลา 04.00 น. หลังเปิดเคอร์ฟิวก็มีการเดินทางเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และเมื่อดูข้อมูลของกรมควบคุมโรคพบว่าในจำนวนผู้ป่วยยืนยันในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อจากคนในบ้านกันเอง และจากข้อมูลในประเทศจีนก็พบว่า 78-85% เป็นการติดเชื้อในครอบครัวเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นที่น่าห่วงคือสงกรานต์นี้ เสี่ยงมากที่จะมีการเอาเชื้อไปติดคนที่บ้าน หากไม่มีการระวังตัวเลขผู้ป่วยที่ติดกันในบ้านก็จะพุ่งพรวดขึ้นมา
นายแพทย์บัญชา กล่าวด้วยว่า กรมอนามัยได้วิเคราะห์ข้อมูลแล้วเห็นว่าการแพร่เชื้อในช่วงสงกรานต์มี 3 ปัจจัยเสี่ยง คือ 1. คนเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน 2.การเลี้ยงสังสรรค์ เพราะจะเห็นว่าแม้จะมีประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็มีคนซื้อกักตุนจำนวนมาก และ3. การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ซึ่งได้วิงวอนว่าขอให้งดเด็ดขาด รวมถึงการสาดน้ำ ประแป้ง ต้องงด เพราะเชื้อไวรัสโคโรนาถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อม อุณหภูมิสูงของประเทศไทย อยู่ได้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ตาย แต่ถ้ามีน้ำ มีความชื้น เชื้อจะอยู่ได้นาน 4-10 วัน สิ่งที่แนะนำคืองดการเดินทาง งดการสัมผัสโดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามเนื่องจากผู้สูงอายุต่างเฝ้ารอลูกหลาน ดังต้องมีการติดต่อสื่อสาร พูดคุยและอธิบายให้ผู้สูงอายุเข้าใจถึงความจำเป็นเพื่อให้ท่านคลายกังวล และคลายความคิดถึง