ช่อง 3 เปิดศึก 'คอมเมิร์ซ' รับพันธมิตรลุยธุรกิจใหม่

ช่อง 3 เปิดศึก 'คอมเมิร์ซ' รับพันธมิตรลุยธุรกิจใหม่

ก้าวสู่ทศวรรษที่ 60 ช่อง 3 เดินเกมสร้างรายได้ พลิกทำกำไรอีกครั้ง หลังทีวีดิจิทัลขาดทุนสาหัสหลายปี อ้าแขนรับพันธมิตรลุยธุรกิจใหม่ พร้อมเปิดศึกชิงตลาด “คอมเมิร์ซ” หวังสัดส่วนรายได้ธุรกิจที่ไม่ใช่ทีวี แตะ 35% ใน 3 ปี

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) หรือช่อง 3 เปิดเผยว่า ได้วางพันธกิจผลักดันบีอีซีให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวมีความคิดไปข้างหน้า สร้างสรรค์คอนเทนท์เชื่อมโยงผู้ชมในปัจจุบันและใช้เทคโนโลยีนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพผ่านทุกช่องทางหน้าจอ(all screens)ทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมกำหนดเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้าจะผลักดันรายได้อื่นๆที่ไม่ใช่แค่ทีวีให้มีสัดส่วน 35% ส่วนรายได้หลักจากการขายโฆษณาหรือทีวีจะอยู่ที่ 65% จากปัจจุบันรายได้อื่นๆอยู่ที่ 17% และทีวี 83%

ส่วนกลยุทธ์สร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.สื่อใหม่ ซึ่งจะพลิกโฉมการสร้างรายได้ให้กับช่อง 3 เพราะจะเป็นการทำตลาดเชิงพาณิชย์(Commerce)ถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยตรงหรือ Direct to Consumer ซึ่งที่ผ่านมาได้ทดลองผนึกกับเซเว่นอีเลฟเว่น จัดแคมเปญการตลาดมอบส่วนลดให้กับผู้ชมทีวี(ออนแอร์)ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดหน้าจอเพื่อไปซื้อสินค้าผ่านหน้าร้าน(ออฟไลน์)

นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่หลัง 24.00 น. เพื่อให้แบรนด์โฮมชอปปิงเข้ามาขายสินค้าได้ทั้งในรูปแบบสปอต และรายการขายสินค้า ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรและคาดว่าจะเปิดตัวปลายเดือนก.พ. โดยยืนยันว่าการทำคอมเมิร์ซของช่อง 3 จะแตกต่างจากคู่แข่ง

“ช่อง 3 เข้าถึงผู้ชม(reach)ประมาณ 50 ล้านคน ถือเป็นจุดแข็ง และทีวียังใช้สร้างการรับรู้แบรนด์ได้ แต่เราต้องการใช้สื่อเดิมมีประสิทธิภาพ เมื่อก่อนลูกค้า เช่น หมวดหมู่สินค้าอุปโภคบริโภค(FMCG)อาจไม่รู้ว่าลูกค้าเป็นใคร แต่ตอนนี้เรามีข้อมูลผู้บริโภคอยู่บนแพลตฟอร์มของเรา ทำให้สามารถดึงจำนวนผู้บริโภค(Drive traffic) สร้างยอดขายให้แบรนด์ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การรุกคอมเมิร์ซบริษัทเปิดกว้างในการรับพันธมิตรแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ เพื่อเข้ามาขายสินค้าผ่านทางช่อง 3”

2.การบุกตลาดต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับประเทศจีน เพราะเป็นตลาดใหญ่ประชากรมากกว่าไทย 20 เท่า รวมถึงตลาดเพื่อนบ้านในกลุ่มอินโดจีน เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา โดยวางเป้าหมายรายได้ต่างประเทศโต 2 เท่า  3.ออนไลน์จากแพลตฟอร์มซีเอชสามพลัส(Ch3+) และจับมือพันธมิตรเพื่อนำคอนเทนท์ไปเสิร์ฟผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาปิดดีลไป 3 ราย เช่น WeTV และจะปีดดีลเพิ่ม 4.สร้างสรรค์คอนเทนท์ใหม่ เบื้องต้น 3-4 รายการ เพื่อขยายนาทีทอง(ไพรม์ไทม์)ตั้งแต่ 18.00-22.30 น.จากเดิมไพรม์ไทม์คือ 20.20-22.30 น.

5.ต่อยอดศิลปินกว่า 200 ชีวิต ขยายสู่กิจกรรมต่างๆ สร้างรายได้ เช่น การเป็นพิธีกร ธุรกิจที่พัฒนาความสามารถ(Talent development) เช่น The Brothers และ 6.นำฐานข้อมูลผู้ชมขยายสู่ธุรกิจใหม่ๆ(Data)

 “ช่อง 3 จะต้องไปอยู่ทุกหน้าจอ และไม่ใช่แค่ในไทย แต่ไปต่างประเทศด้วย นี่เป็นทศวรรษใหม่ของเรา(ฉลองปีที่ 50 ก้าวสู่ทศวรรษใหม่) และโจทย์ของเราขยายสู่ธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น เพราะต้องการกระจายความเสี่ยง โดยสเต็ปแรกเริ่มที่โฮมชอปปิง จากนั้นจะเข้าสู่คอมเมิร์ซ ซึ่งภายใน 3 ปีข้างหน้า การเติบโตเฉลี่ยของเราจะอยู่ที่ 10%”

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2563 คาดว่าจะพลิกทำ “กำไร” หลังเผชิญภาวะขาดทุนในปีที่ผ่านมา