'สนธิรัตน์' มอบโจทย์ CEO ปตท.คนใหม่ ลุยระดับโลก-หนุนฐานราก

'สนธิรัตน์' มอบโจทย์ CEO ปตท.คนใหม่ ลุยระดับโลก-หนุนฐานราก

“สนธิรัตน์” ฝากงาน “อรรถพล” คุม ปตท.องค์กรระดับโลก ร่วมดันเศรษฐกิจฐานราก บอร์ด ชี้ ซีอีโอใหม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ซีอีโอ) ปตท.คนใหม่ แทน นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ปตท.ถือเป็นองค์กรของรัฐที่ก้าวสู่ระดับโลก ซึ่งอยากเห็น ปตท.เป็นกลไกหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ก็ดำเนินการแล้วในหลายเรื่อง เช่น โครงการ “ไทยเด็ด” แต่ก็ขอให้ดำเนินการเรื่องอื่นอย่างต่อเนื่องด้วย เช่น โครงการปุ๋ยสั่งตัด

รายงานข่าวจาก ปตท.ระบุว่า หลังจากนี้ ปตท.จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้ผลักดันโครงการ “ไทยเด็ด” เป็นนโยบายรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนายอรรถพลมีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น โดยเป็นโครงการที่ผลักดันให้ปั๊มเป็นศูนย์กลางชุมชม หรือ Living Community เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

ชี้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน

สำหรับการประชุมคณะกรรมการ ปตท.เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในวาระการสรรหาซีอีโอ ปตท.คนใหม่ ได้มีการอภิปรายผู้สมัครทั้ง 6 คน ที่มีความสามารถใกล้เคียงกันเพราะเป็นผู้ทำงานใน ปตท.มานานทุกคน และความรู้ความสามารถของของผู้สมัครแต่ละคนใกล้เคียงกัน แต่เลือกซีอีโอได้เพียง 1 คน และคณะกรรมการสรรหามีมติเอกฉันท์ที่จะเสนอชื่อนายอรรถพล

ทั้งนี้ นายอรรถพลมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด โดยเฉพาะการประสานกับภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งที่ผ่านมานายอรรถพลได้รับผิดชอบกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลายที่มีโอกาสได้สัมผัสกับภายนอกองค์กรเยอะจึงมีจุดเด่นที่จะประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับ ปตท.ในอนาคต และเป็นจุดที่นายอรรถพลได้เปรียบผู้สมัครที่รับผิดชอบกลุ่มปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ในขณะที่ประสานงานภายในองค์กรเชื่อว่านายอรรถพล จะประสานผู้สมัครซีอีโอและผู้บริหารรายได้ได้ดี เพื่อขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ได้

ส่วนการพิจารณาแผนแผนการลงทุนช่วง 5 ปี (2563-2567) ที่มีวงเงินเบื้องต้น 266,372 ล้านบาท จะมีการเสนอคณะกรรมการ ปตท.อีกครั้งในเดือน ม.ค.2563 โดยคณะกรรมการ ปตท.กำหนดไปปรับรายละเอียดบางส่วนเพื่อให้แผนสมบูรณ์ขึ้น ในขณะที่วงเงินลงทุนที่เสนอมาไม่มีปัญหา

สั่ง ปตท.ร่วมแก้พีเอ็ม 2.5

นายสนธิรัตน์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ว่า ได้แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหา PM 2.5 ภายใต้กระทรวงพลังงาน ซึ่งมีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ คณะทำงานดังกล่าวจะร่วมกันเร่งจัดทำแผนงานดำเนินงานระยะสั้นและระยะยาว โดยเบื้องต้นกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้เร่งผลักดันการใช้ น้ำมันดีเซล บี10 ซึ่งจะรณรงค์อย่างหนักในการบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 และเตรียมส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 ในต้นปี 2563

รวมถึง การยกระดับมาตรฐานน้ำมัน จากมาตรฐานยุโรป ระดับ 4 (ยูโร 4) เป็นมาตรฐานยุโรป ระดับ 5 (ยูโร5) ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2567 โดยบริษัทบางจากฯ แจ้งว่าจะจำหน่ายน้ำมันดีเซลทุกชนิดเป็นมาตรฐานยูโร 5 ในสถานีบริการน้ำมันบางจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ม.ค.2563 

ส่วน ปตท.แจ้งว่า น้ำมันดีเซลบี 10 เป็นมาตรฐานยูโร 5 ภายในเดือน ม.ค.2563 อย่างไรก็ตามการปรับลดราคาขายปลีก น้ำมันบี10 และ อี20 ลง 1 บาทต่อลิตร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ จะเริ่มมีผลทันที่วันที่ 25 ธ.ค.นี้

ขณะที่การผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภาคขนส่ง ซึ่งประเด็นปัญหาในรถยนต์ขนาดเล็กไม่ค่อยมี แต่ปัญหาจะอยู่ที่รถบรรทุกขนาดใหญ่จึงส่งเสริมให้รถบบรรทุกใช้น้ำมันบี 20 ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานเร่งรัดการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนในสถานีประจุไฟฟ้า รวมทั้งคาดว่าจะจะได้ข้อสรุปค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีประจุไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมเร็วๆนี้