ตำรวจป่าไม้รับแจ้งความคดี ฟาร์มไก่ “เขาสน 2” รุกป่า

ตำรวจป่าไม้รับแจ้งความคดี ฟาร์มไก่ “เขาสน 2” รุกป่า

เผย ต้องตรวจสอบว่าเป็นคดีเดียวกันกับที่มีคนแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจฯ จอมบึงก่อนดำเนินคดี

รอง ผบ.ปทส. พ.ต.อ. ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ เปิดเผยหลังจากที่คณะทำงานฯ กรมป่าไม้เข้าแจ้งความพร้อมมอบเอกสารหลักฐานประกอบว่า ในเบื้องต้น ทางกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส) ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นมูลคดีเดียวกันกับที่นายวีระ สมความคิด กลุ่มตรวจสอบทุจริตภาคประชาชน ได้เข้าแจ้งความไว้ด้วยที่สถานีตำรวจฯ จอมบึง จังหวัดราชบุรีด้วยหรือไม่

หากพบว่า เป็นมูลคดีเดียวกัน สามารถดำเนินการได้สองทางตามการมอบหมายของผู้บังคับบัญชาคือ ส่งสำนวนไปรวมให้ทางสถานีตำรวจฯ จอมบึงรับผิดชอบคดีไป หรือทางผู้บังคับบัญชาจะมอบหมายให้ทาง บก.ปทส. ทำคดี

พ.ต.อ. ทัศน์ภูมิ ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการตั้งคณะทำงานร่วม แต่หากเป็นทาง บก.ปทส. รับผิดชอบคดี จะตรวจสอบจากเอกสารหลักฐานก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบแผนที่และหมุดว่ามีการครอบครองอยู่ในพื้นที่ใด ก่อนจะสืบสวนต่อว่าใครคือผู้ครอบครอง แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการแจ้งข้อหาตามกระบวนการปกติ

ในช่วงเช้าวันนี้ กรมป่าไม้ เปิดแถลงข่าวโดยอธิบดีกรมป่าไม้ อรรถพล เจริญชันษากล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะทำงานฯ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ บก.ปทส. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อฟาร์มไก่ “เขาสน 2”หลังพบว่า เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่งอยู่นอกเขตปฎิรูปที่ดิน

โดยอธิบดีกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดหลักฐานได้ทั้งหมดเพราะจะกระทบต่อรูปคดี และไม่พาดพิงระบุชื่อเจ้าของฟาร์มแต่อย่างใด แต่ในการตรวจสอบพื้นที่ครั้งที่ 2ในวันที่ 28 พ.ย คณะทำงานฯ และสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดราชบุรี ได้ร่วมเข้าตรวจสอบรังวัดถ่ายทอดแนวเขตของฟาร์ม และได้สรุปยืนยันผลการตรวจสอบออกมา พบว่า มีการบุกรุกที่ดินในเขตป่าไม้จริง ทั้งหมด 46 – 1 - 40 ไร่ โดยอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จำนวน 41 – 1 – 59ไร่ และพื้นที่ป่า “โดยบทสันนิษฐาน” ตามมาตรา 4(1) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 จำนวน 4 – 3 – 81ไร่

จึงเป็นการกระทำผิด 4 ข้อหาคือ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าเข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น

โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ตรี, กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 “ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษตามมาตรา 31, กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐาน “เข้าไปยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” และกระทำผิดตาม พรบ. ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม 

เพราะถือได้ว่าเป็นการกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ มีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหายหรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 97

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีการครอบครองพื้นที่ โดยใช้หลักฐานเป็น ภบท.5 ในเขตพื้นที่ป่าไม้เป็นจำนวนมากในท้องที่จังหวัดราชบุรี และที่ดินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องชัดเจน กรมป่าไม้จึงแต่งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย และให้ความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย

โดยอธิบดีได้ลงนามคำสั่งคำสั่งกรมป่าไม้ที่ 3889/2562 มีนายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และเริ่มการตรวจสอบมาตั้งแต่ วันที่ 20 พ.ย. ในพื้นที่บริเวณที่เป็นข่าวที่มีการประกอบกิจการฟาร์มไก่ขนาดใหญ่ชื่อ “เขาสนฟาร์ม” อยู่ในท้องที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ก่อนจะขอหมายศาลเข้าตรวจสอบ ในพื้นที่ที่เรียกว่าฟาร์มไก่ “เขาสน2” ในวันที่ 24 และ วันที่ 28 หลังจาก ส.ส. ปารีณาได้ออกมาแสดงตัว และมีหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมป่าไม้เพื่อให้ตรวจสอบการรังวัดใหม่

นายอรรถพล ย้ำว่า ทางกรมดำเนินคดีโดยยึดหลักตามกฏหมายและให้คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติตามที่ถูกตั้งคำถามในโลกโซเชียลแต่อย่างใด แต่การทำคดี ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบไม่บุ่มบ่ามเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งคนของกรมกำลังถูกผู้ถูกกล่าวหาตั้งคำถามและจะฟ้องกลับ

นายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ นส.ปารีณา เข้าร่วมในงานแถลงข่าวและตั้งคำถามกับการตรวจสอบและการใช้แผนที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรม โดยตั้งคำถามถึงแผนที่ 1:400,000 ที่กรมใช้ และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของพื้นที่มีลูกสาวตนครอบครองใหม่ทั้งหมด 

ทั้งนี้ นายทวีไม่ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าว มีจำนวน 1,700 ไร่ ตามที่ได้แจ้งไว้กับ ปปช. และไม่ยืนยันว่าอยู่ที่ใด เพียงแต่กล่าวว่า ตนเป็นผู้ซื้อต่อจากชาวบ้านในบริเวณนั้นในช่วงปี 2523 ซึ่งเป็นไร่สัปะรดและมันสำปะหลังมาก่อนโดยไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ นอกจากใบ ภบท 5. และการประกาศพื้นที่ใดๆของรัฐในบริเวณนั้นมาทีหลังตน