‘อีพีจี’ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้โต5-6%

‘อีพีจี’ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้โต5-6%

“อีสเทิร์นโพลิเมอร์” ปรับลดเป้ารายได้งวดปี 62/63 เติบโต 5-6% จากเดิมคาดโต 10% เหตุรับผลกระทบสงครามการค้า-ค่าเงินบาทแข็ง แต่มั่นใจกำไรยังเพิ่มขึ้น หลังต้นทุนวัตถุดิบลดตามราคาปิโตรฯ

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลิเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้งวดปี 2562/2563 (สิ้นสุด มี.ค.2563) เหลือเติบโต 5-6% จากเดิมตั้งเป้าโต8-10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 10,579 ล้านบาท จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากสงครามการค้าและผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันกว่า 7-8%  ทำให้บริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศถึง 69%

ทั้งนี้แม้รายได้จะลดลงจากเป้าเดิม แต่คาดว่ากำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 904 ล้านบาท เนื่องจากได้รับอานิสงส์ต้นทุนวัตถุดิบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) มีการขยายตัวที่ดี และได้รับผลบวกจากต้นทุนราคาวัตถุดิบเม็ดพลาสติกตัวลดลงเช่นกัน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 29.50% คาดว่าจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 28-30%

ในส่วนของงบลงทุนปีนี้  คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 655 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ใช้ทยอยลงทุนขยายโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้าอีก 1 เท่าตัว มูลค่า 180 ล้านบาท เบื้องต้นกำหนดเริ่มก่อสร้างในปี 2563 และ2.ก่อสร้างโรงงานในประเทศออสเตรเลียมูลค่า 235 ล้านบาท รวมถึง3.ลงทุนขยายไลน์การผลิตบรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ EPP มูลค่า 240 ล้านบาท

“ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562/2563 ยังมีทิศทางดี แม้ปัจจัยลบต่างๆจะกระทบต่อรายได้ แต่บริษัทยังมั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานของปี 2562/2563 จะยังทำได้ดี หลังจากช่วงครึ่งปีแรกยังสามารถทำกำไรเข้าใกล้เป้าหมาย  ตามผลบวกของต้นทุนราคาวัตถุดิบในทุกธุรกิจปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ”

นายภวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการเข้าลงทุนและซื้อกิจการ (M&A) ได้ชะลอไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกค่อนข้างผันผวน อย่างไรก็ตาม มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่สนใจและอยู่ระหว่างศึกษาหลายรายการ แต่อาจจะต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะต้องรอปีหน้าเป็นต้นไป นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาทำโครงการโซลาร์รูฟบนพื้นที่โรงงานของบริษัท เพื่อนำไฟฟ้ามาใช้เอง หวังลดต้นทุนการผลิตด้านพลังงานของบริษัท

“ EPG ทำธุรกิจในตลาดโลก จึงต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์เพื่อที่จะสามารถเติบโตได้อย่างเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัจจุบัน EPG มีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 48% AEROFLEX 29% และ EPP 23% สำหรับแนวโน้มธุรกิจและทิศทางการเติบโตในช่วงต่อจากนี้ ยังคงดำเนินการตามแผนกลยุทธ์”

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนของปี 2562/2563 (เม.ย.-ก.ย.2562) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 5,434.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% มีกำไรสุทธิ 541.3 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2562/2563 (ก.ค. – ก.ย.2562) มีรายได้จากการขาย 2,762.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,682.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30.5% และมีกำไรสุทธิ 326.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 262.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.5%