กทย.คิกออฟจ่ายชดเชยราคายาง ช่วยชาวสวน 17 ล้านราย

กทย.คิกออฟจ่ายชดเชยราคายาง ช่วยชาวสวน 17 ล้านราย

กยท.คิกออฟ จ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางวันนี้ (1พ.ย.) ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางกว่า 1.7 ล้านคน ในพื้นที่ปลูกยางพารา 17 ล้านไร่

นายจุรินทร์ ลักษณวิศษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยค่าประกันรายได้สำหรับชาสสวนยาว คำนวณจากราคายางที่ประกันรายได้ ลบราคากลางอ้างอิงการขาย แล้วคูณด้วยปริมาณผลผลิตยางตามเนื้อที่กรีดยาง เป็นค่าประกันรายได้ในแต่ละเดือน โดยจะจ่ายเงินประกันชดเชยรายได้ส่วนต่างจากการขายยางพารา 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง เข้าบัญชีเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง ผ่าน ธ.ก.ส. แบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวนยาง 60% และคนกรีดยาง 40%

“ในวันนี้ (1 พ.ย.2562) เป็นวันแรกที่มีการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร 5,200 ราย วงเงิน 170 ล้านบาท โดยจะจ่ายจนถึงวันที่ 15 พ.ย.นี้ รวม 2.4 หมื่นล้านบาท และครั้งต่อไปจะจ่ายวันที่ 1 -15 ม.ค. และ 1 -15มี.ค. 2563 จึงมั่นใจได้ว่าโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวสวนยางได้ตามหลักการ "ทำได้เร็ว ทำได้จริง" ตามที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน”

ในส่วนของเกษตรกรที่ปลูกในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตหรือมีใบสีชมพู นั้นจะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างนี้เช่นกัน แต่ที่สำคัญอยากให้เกษตรกรแจ้งข้อมูบที่เป็นจริง ทั้งประเภทขงยางและจำนวนพื้นที่ปลูก เพื่อให้ได้รับการชดเชยที่ถูกต้อง เนื่องจากยางแต่ละชนิดมีราคาที่ต่างกัน

นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบายเสริมเพื่อดึงราคายางให้สูงขึ้นคือ จะเดินหน้าทำสวนยางยั่งยืน เปิดให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นที่มีอนาคตแซม เป็นการรองรับกรณ๊เกิดราคายางตกต่ำ ผลักดันเพิ่มการใช้ยางในประเทศมากขึ้น เพิ่มการลงทุนในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งในเร็วๆนี้ในภาคตะวันออกจะมีการขยาย การลงทุนมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท จึงเป็นแนวโน้มที่ดีต่อราคายาง

รวมทั้งในหน่วยงานราชการต้องใช้ยางทำฝาย สนามกีฬา ถนน ให้มากขึ้น  ขณะที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างหาแนวทางส่งออกยาง โดยสามารถเปิดตลาดอินเดียได้แล้วล๊อตแรก 1 แสนตัน มูลค่า 9,000ล้านบาท ในเร็วๆนี้จะหารือกับเยอรมัน ละตุรกี รวมทั้งจีน ที่คาดว่าในสัปดาห์ห้าจะมีข่าวดีลงนามรับซื้อยางจากไทยล๊อตใหญ่ ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ราคายางไทยสูงขึ้น
 
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ การเจราซื้อ ขายยางระหว่างไทยกับจีนจะสรุปได้ และลงนามได้ทันทีโดยมีนายจุรินทร์เป็นประธาน ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ยางของไทยจะมีตลาดรองรับที่แน่นอนละในราคาที่ชัดเจน จากการประกันรายได้ที่เริ่มจ่ายเงินระยะ1 ไปแล้ว งบประมาณ 24,278.62 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางกว่า 1.7 ล้านคน ในพื้นที่ปลูกยางพารา 17 ล้านไร่ ให้มีรายได้ที่แน่นอนสม่ำเสมอ สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนยาง โดยรัฐบาลจะประกันราคายางแทนการแทรกแซงราคา เพื่อลดการบิดเบือนกลไกตลาดและลดความผันผวนด้านราคาจากพ่อค้าคนกลาง

โดยกำหนดราคาประกันรายได้จากการขายยางพารา 3 ชนิด ได้แก่ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) ราคา 57 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) ราคา 23 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีหลักเกณฑ์ให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย ที่มีต้นยางอายุ 7 ปีขึ้นไป เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ กำหนดปริมาณผลผลิตยางประกันรายได้ (ยางแห้ง) ที่ 20 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน

สำหรับการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 มีการกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือนตั้งแต่ตุลาคม 2562 ถึงมีนาคม 2563 โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรชาวสวนยาง 3 งวด ได้แก่ 1.ประกันรายได้เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2562 จ่ายงวดที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 - 15 พฤศจิกายน 2562

2.ประกันรายได้เดือนธันวาคม 2562 - มกราคม 2563 จ่ายงวดที่สอง ระหว่างวันที่ 1 - 15 มกราคม 2563 และ 3. ประกันรายได้เดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2563 จ่ายงวดที่สาม ระหว่างวันที่ 1 - 15 มีนาคม 2563 โดยค่าบริหารโครงการวงเงิน 234 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนพัฒนายางพารา

นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจ่ายเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง (เจ้าของสวน ผู้เช่า ผู้ทำ และคนกรีดยาง) ที่แจ้งและขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 เริ่มจ่ายในงวดแรก จำนวนกว่า 8 พันล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป เบื้องต้นมีเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. จำนวน 1.7 ล้านราย แบ่งเป็นยางแผ่นดิบ 150,803 ราย น้ำยางสด 470,767 ราย และยางก้อนถ้วย 790,447 ราย คิดเป็นพื้นที่รวม 17.2 ล้านไร่

สำหรับเงินประกันรายได้ในแต่ละเดือน จะถูกแบ่งระหว่างเกษตรกรเจ้าของสวนยางและคนกรีดยางในสัดส่วน 60:40 (ตามสัดส่วนการจ้างส่วนใหญ่ของข้อมูลขึ้นทะเบียน) โดยราคากลางจะกำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคากลางอ้างอิงงวดแรก (ประกาศ ณ วันที่ 25 ต.ค.62) กำหนดราคายางแผ่นดิบ 38.97 บาท/กก. น้ำยางสด 37.72 บาท/กก. และยางก้อนถ้วย