‘ไมเนอร์ฯ’เร่งโต ‘อวานี’ รุกสุขุมวิทตอนปลายรับเมืองขยาย

‘ไมเนอร์ฯ’เร่งโต ‘อวานี’ รุกสุขุมวิทตอนปลายรับเมืองขยาย

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือ “ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” เกิดขึ้นเมื่อปี2561 พลันที่เข้าซื้อหุ้นกลุ่มโรงแรมในยุโรป “เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป” จนสามารถครองสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้น94.1%ในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป

หนุนเครือไมเนอร์ฯก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก ด้วยเครือข่ายธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง รับบริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสสวีทภายใต้8แบรนด์ที่เป็นของเครือไมเนอร์ฯ ได้แก่ อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, ทิโวลี, เอ็นเอช คอลเลคชั่น, เอ็นเอช โฮเทลส์, นาว และเอเลวาน่า ส่วนอื่นๆ ได้ว่าจ้างให้เชนโรงแรมอื่นรับบริหาร เช่น แมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส และเรดิสัน บลู โดยทั้งหมดกระจายอยู่ใน 53 ประเทศ

ล่าสุด เครือไมเนอร์ฯยังคาดการณ์ว่าสิ้นปี2562จะมีโรงแรมทั้งหมดในเครือข่าย547แห่ง คิดเป็น81,283ห้องพัก ขณะที่สิ้นปี2563จะขยับเป็นจำนวน568แห่ง คิดเป็น85,103ห้องพัก และสิ้นปี2564เพิ่มเป็น587แห่ง คิดเป็น90,058ห้องพัก

ฮาเวียร์ พาร์โด รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มอวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ในเครือไมเนอร์ฯ เล่าว่า เมื่อเจาะเฉพาะกลุ่มแบรนด์ “อวานี” (AVANI)ซึ่งจัดเป็นโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ระดับอัพสเกลหรือ5ดาว โดยถือเป็นกลุ่มแบรนด์ที่มี อัตราการเติบโตด้านจำนวนโรงแรมเร็วที่สุด เมื่อเทียบกับทั้ง8แบรนด์โรงแรมในเครือไมเนอร์ฯ จากอัตราเร่งเปิดโรงแรมใหม่เฉลี่ย8-10แห่งต่อปี และแนวโน้มน่าจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องทุกปี จากกลยุทธ์การมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้านักเดินทางที่มี “มิลเลนเนียลส์ มายด์เซ็ท”

ปัจจุบันกลุ่มแบรนด์อวานีเปิดให้บริการแล้ว29แห่งทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็น อวานี25แห่ง และอวานีพลัส4แห่ง กระจายใน12ประเทศส่วนสิ้นปีนี้จะมีรวม31แห่ง รวมกับอีกสองแห่งที่กำลังจะเปิดใหม่ในปูซาน เกาหลี และบาหลี อินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ตามแผนงานยังเตรียมเปิดเพิ่มอีก11แห่งใหม่ในปี2563ได้แก่ ในไทย เมียนมา มาเลเซีย มัลดีฟส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน ตูนิเซีย และมอริเชียส ทำให้สิ้นปีหน้าจะมีโรงแรมในกลุ่มแบรนด์อวานีมากกว่า42แห่ง

“หลังจากเครือไมเนอร์ฯได้เข้าซื้อหุ้นเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เมื่อปีที่แล้ว ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตของทุกแบรนด์โรงแรมในเครือที่ยุโรปได้ไม่ยาก รวมถึงกลุ่มแบรนด์อวานีด้วย จากปัจจุบันมีเพียง1แห่งในโปรตุเกส”

ส่วนหนึ่งในโปรเจคเปิดโรงแรมอวานีแห่งใหม่ปีนี้ คือ “อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ” ปักหมุดทำเลย่านอ่อนนุช ด้วยขนาด382ห้องพัก ถือเป็นโรงแรมอวานีแห่งที่3ในกรุงเทพฯ กำหนดเปิดอย่างเป็นทางการวันที่1ธ.ค.นี้ หลังเริ่มให้บริการบางส่วนแล้วเมื่อวันที่1ก.ค.ที่ผ่านมา

เนาวรัตน์ อรุณคง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ เล่าเสริมว่า โรงแรมนี้ถือเป็น “โรงแรมระดับอัพสเกลแห่งแรกในย่านอ่อนนุช” หลังศึกษาตลาดแล้วพบว่ายังไม่มีแบรนด์โรงแรมจากเชนรับบริหารชื่อดังอื่นๆ ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะปักธงบนทำเล “ถนนสุขุมวิทตอนปลาย” หรือตั้งแต่โซนพระโขนง-อ่อนนุชเป็นต้นไป

แต่เมื่อดูแนวโน้ม​แล้ว มีโอกาสเห็นโรงแรมใหม่เปิดให้บริการอย่างชัดเจนมากขึ้นในอีก2ปีข้างหน้า เพราะเชนโรงแรมและเจ้าของแบรนด์ต่างๆ น่าจะเริ่มเห็นว่า หากลงทุนเปิดโรงแรมใหม่ในทำเลสุขุมวิทตอนต้นและตอนกลาง อาจเผชิญการแข่งขันรุนแรงเกินไป

“สุขุมวิทตอนปลายจึงเป็นทำเลน่าสนใจสำหรับการเปิดโรงแรมใหม่ เพราะได้อานิสงส์จากการขยายเมืองตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้ตลาดองค์กรต่างๆ ย้ายฐานสำนักงานมาฝั่งนี้มากขึ้นนอกจากนี้โซนกรุงเทพฯตะวันออกอย่างย่านบางนาก็มีการลงทุนโปรเจคใหม่และใหญ่จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกอย่างคึกคัก ทำให้ย่านอ่อนนุชเปลี่ยนไป ไม่ได้อยู่ตอนปลายเหมือนเดิม แต่จะอยู่ตรงกลางระหว่างย่านบางนากับย่านอโศก นี่คือโอกาสที่โรงแรมอวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ มองเห็นและจับไว้ได้ทัน เพื่อเดินกลยุทธ์สื่อสารถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้อง”

ทั้งนี้คาดว่าโรงแรมฯจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย53%ในปีนี้ และขยับเพิ่มเป็น62%ในปีหน้า จากลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มประชุมสัมมนา35-40%เพราะตั้งอยู่ใกล้ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวคาดมี10-12%กลุ่มองค์กร10-13%และอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชีย อาทิ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี และสิงคโปร์ ด้านราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่2,600-2,900บาทต่อคืน ต่างจากราคาโรงแรมระดับเดียวกันในทำเลสุขุมวิทตอนต้นและกลางเพียง100-200บาทเท่านั้น ขึ้นกับอัตราเข้าพักของแต่ละโรงแรม