ฟื้นตัว

ฟื้นตัว

Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน หากดัชนีต่ำกว่า 1600 จุด

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Positive และคาดดัชนีฯ ฟื้นตัว แนวรับ 1605 / 1600 จุด แนวต้าน 1620 /1628 จุด แนะนำ Trading Buy โดยมีจุด Stop Loss หากดัชนีฯ หลุด 1600 จุด ปัจจัยบวก 1) CME Group คาดมีโอกาส 88.2% ที่เฟดจะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เป็น 1.5-1.75% ในการประชุมเฟด 30-31 ต.ค. 2) การฟื้นตัวของดัชนีฯ วานนี้ เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวทางเทคนิควันนี้ อย่างไรก็ดี หากหลุดแนวรับ 1600 จุด จะกลับมาเป็นสัญญาณขายรอบใหม่ 3) ความไม่แน่นอนต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้: อินเดีย-ผลประชุมธนาคารกลาง; สหรัฐฯ-การจ้างงานเดือน ก.ย. คาดเพิ่มขึ้น 140k (Vs เดือน ส.ค. +130k); และสุนทรพจน์ประธานเฟด Powell จับตาสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินพิ่มเติม

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีกว่าภูมิภาค โดยฟื้นตัวหลังร่วงไปต่ำสุดที่ 1605.13 จุด -8.51 จุด มาปิดที่ระดับ 1610.95 จุด -2.95 จุด หรือ -0.18% วอลุ่มซื้อขายเบาบาง 3.78 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง -1.54% อสังหาฯ -1.42% ส่วนกลุ่มอุตฯ ที่ปรับสูงขึ้น คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.47% ICT +0.46%

ประเด็นสำคัญวันนี้

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว: แม้ ISM รายงาน PMI ภาคบริการเดือน ก.ย. ร่วงลงต่ำสุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 2016 เป็น 52.6 (Vs เดือน ส.ค. 56.4 และต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 55.3) แต่ผลจากการคาดว่าเฟดมีโอกาสสูงขึ้นเป็น 88.2% ที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามในการประชุมวันที่ 30-31 ต.ค. อีก 0.25% เป็นปัจจัยสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยง DJ +122.42 จุด +0.47% S&P500 +0.8% Nasdaq +1.12%

+/- ตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ: ไอเอชเอสมาร์กิต เผยดัชนี PMI Composite PMI เดือน ก.ย.ต่ำสุดรอบกว่า 6 ปี เป็น 50.1 (Vs เดือน ส.ค. 51.9) และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย. อยู่ที่ 51.6 (Vs เดือน ส.ค. 53.5) ส่งผลต่อตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ FTSE -0.63% CAC40 +0.3% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดทำการ เนื่องในวันรวมชาติเยอรมนี

+/- น้ำมันปิดคละ: WTI -USD0.19 -0.4% ปิด USD52.45/บาร์เรล Brent +USD0.02 ปิด USD57.71/บาร์เรล วิตกอุปสงค์น้ำมันลดลง จากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

+ ทองคำขึ้นต่อเนื่อง: Gold +USD5.90 หรือ +0.39% ปิดที่ USD1,513.80/ออนซ์ จากการกลับมาอ่อนค่าของสกุลเงิน USD

- 4Q19 Strategy: เราออกรายงานกลยุทธ์ 4Q19 โดยปรับลดเป้าหมายดัชนีฯ สิ้นปีนี้กรณี Base Case เป็น 1605 จุด จากเดิม 1710 จุด อิงผลกำไรบจ. คาดปรับลดเหลือ
97 บาทต่อหุ้น +0.8% (จากเดิม 101.3 บาทต่อหุ้น +5.2%) แย่กว่า Bloomberg Consensus ที่ 101.3 บาท +5.2% YoY แนะนำหุ้นปลอดภัยกลุ่ม High Dividend
Yield และ High Recurring Income โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า (ดูรายงาน)

+ ไทย: สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นเดือนที่สอง ปัจจัยสนับสนุนมาจากนโยบายภาครัฐ และภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยถ่วง

- สหรัฐฯ: ปธน.ทรัมป์ ท้าทาย Impeachment กรณีดึงต่างชาติแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยการเรียกร้องให้จีนดำเนินการสอบสวนพฤติกรรมของนายโจ ไบเดน ว่าที่คู่แข่งชิง
ตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ และลูกชาย เหมือนกับกรณียูเครน

กลยุทธ์: Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน หากดัชนีต่ำกว่า 1600 จุด

หุ้นแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)

      หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: DIF AMATA GPSC

      หุ้นโมเมนตัมบวก: PTG CFRESH SPVI UREKA ASIAN และหุ้นที่มีรายงานวันนี้ IMPACT (TP28.90 บาท / Outperform); LOXLEY (TP2.07 บาท / Outperform)

      หุ้นโมเมนตัมลบ: ILM BEC SCC CPN AMANAH HPT BIG LPN AH SYNTEC

      Derivatives: ถือ Short S50Z19 ที่เปิดไว้ เพื่อทำกำไร 1077 / 1070 จุด โดยมี Stop 1090 จุด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)