'ธรรมนัส พรหมเผ่า' ถล่มผมเพื่อจะล้มรัฐบาล

'ธรรมนัส พรหมเผ่า' ถล่มผมเพื่อจะล้มรัฐบาล

ตกเป็นหมู่บ้านกระสุนตกเต็มๆ สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เจ้าของฉายา "มือประสานสิบทิศ" หลังถูกทั้งฝ่ายค้าน รวมถึงเพจต่างๆ ออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งในคดียาเสพติด กรณีถูกถอดยศ

หรือล่าสุดเป็นกรณีวุฒิการศึกษาปริญญาเอก ซึ่งมีการถกเถียงกันว่าเป็นวุฒิจริงหรือไม่? ตามมาด้วยเสียงวิพาษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการเป็นรัฐมนตรี ที่อาจส่งผลกระทบไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล

"ผู้กองธรรมนัส" พูดถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของกระแสต่างๆในขณะนี้ว่า เป้าหมายคงไม่ใช่อยู่ที่ผม อย่างที่เคยเรียนกับพี่น้องสื่อมวลชนหลายครั้งว่า ผมคือตัวคีย์สำคัญของรัฐบาล เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เมื่อครั้งที่มีการรวบรวมเสียงเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผมเป็นคนจัดการทั้งหมด ดังนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่พยายามจะโจมตีผมก็รู้อยู่แล้วว่า รัฐบาลจะสั่นคลอน หรือเสถียรภาพรัฐบาลจะดีหรือไม่ดี มั่นคงหรือไม่มั่นคง

เป้าก็คือต้องการล้มรัฐบาล ล้มพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มากกว่า การที่กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกเชื่อกว่าเป็นการมุ่งเน้นไปที่รัฐบาลเป็นตัวหลักเพราะถ้าต้องการมุ่งมาที่ตัวผมทำไมถึงเพิ่งมาทำ เรื่องนี้ฝ่ายข่าวกรองเขารู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง เป็นกระบวรการที่จ้องจะล้มรัฐบาลโดยเฉพาะ เพราะพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรคเป็นพรรคที่ผมไปคุยถือว่าเป็นสาระสำคัญ

"ถ้าเปรียบเทียบกับร่างกายผมก็เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ ถ้าเส้นเลือดใหญ่เส้นนี้แตกไปเมื่อไหร่รัฐบาลจะล้มหากไม่มีเส้นเลือดใหญ่เส้นนี้ ตอนนี้ผมก็ต้องมีแผนสำรองไว้แล้วคือทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาล ณ เวลานี้ก็จะมีตัวที่คอยเชื่อมซึ่งมอบหมายให้คนดูแลในแต่ละกลุ่ม ดังนั้นที่เขาจ้องมาที่ผมมันจะเกิดผลอย่างไรมันก็ไม่มีผลต่อรัฐบาลอยู่ดี"

ตอนไปดีลกับ 19 พรรคต้องบอกว่าผมไม่ได้อยู่ในสนามการเมืองเฉพาะการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่อยู่เบื้องหลังการเมืองมานานพอสมควร ฉะนั้นส.ส.ส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกันดี ความผูกพันธ์ในอดีตจึงทำให้เขามั่นใจในตัวผม

ส่วนภาพที่มีการสื่อออกไปในระหว่างการชี้แจงกระทู้ถามสดในสภาฯที่ดูเหมือนว่าจะดุดันกว่าปกติ เวลาคนเราพูดออกมาจากใจ ใส่อารมณ์เข้าไปหน่อย ไม่ได้โกรธใครแต่ผมเอาจริงเอาจัง ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโกรธใคร แต่เป็นบุคลิกส่วนตัวเวลาเอาจริงเอาจังจะเป็นแบบนี้ ส่วนวาทะที่ว่าอยู่กับปัจจุบันนั้นสมัยวัยรุ่นผมเป็นคนใจร้อน ผมพูดแบบนั้นหมายความว่าอยากจะให้ผมกลับไปเป็นแบบเด็กๆเหรอ

หลังจากเจอมรสุมเป็นหมู่บ้านกระสุนตกขณะนี้พรรคต่างๆที่ไปดีลไว้ทุกคนทุกพรรคส่งเอสเอ็มเอส ส่งไลน์มาให้กำลังใจ และที่สำคัญคือสมาชิกพรรคฝ่ายค้านยังส่งเอสเอ็มเอส ส่งไลน์มาให้กำลังใจบอกให้สู้ๆท่านเป็นคนจริง กับท่านเสรีพิศุทธ์(เตมียเวส) ก็ไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน แม้กระทั่งเจอท่านที่สภายังยกมือไหว้ท่านทุกครั้ง ผมถามท่านทุกครั้งว่าท่านสบายดีมั๊ย ท่านก็ตอบก็คุยกันดี

หลังเกิดเรื่องนี้ท่ายนายกฯ ท่านรองประวิตรก็บอกให้สู้ๆ เรื่องตอบกระทู้สังคมก็ตังคำถามว่า ตอนยื่นกระทู้ยื่นถามใคร ตอนตอบกระทู้สดผมเป็นคนขอมาตอบเอง เรื่องของเราเราต้องรับผิดชอบ เราต้องมาตอบเองไม่ใช่ไปให้ท่านนายกฯ หรือรองวิษณุ(เครืองาม)มาตอบ

คำถามที่ว่า ประเด็นนี้ต่างๆเหล่านี้ในแง่ของการเล่นหมากรุก ถ้ารุกไปถึงตัวรัฐมนตรีจะรุกถึงตัวรัฐบาลหรือไม่?

เขาคงมองว่าล้มผมได้นั่นหมายความว่ารัฐบาลสั่นคลอน แต่ผมไม่มีอะไร ผมชี้แจงไปหมดแล้ว จะไปขุดไปคุ้ยอะไรอีกผมเชื่อว่ายังมีอีกแต่ผมตอบคำถามได้หมด ในเรื่องคดีที่ประเทศออสเตรเลียที่มี 2 เวอร์ชั่น ผมว่าคนที่เอาข้อมูลมาแชร์เขาไม่รู้กฎหมายของประเทศออสเตรเลียจริง มันต้องศึกษากฎหมายให้ดีจะไปวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินคดีไม่ได้ ที่สำคัญคือประเทศออสเตรเลียถือว่ามีกฎหมายที่ค่อนข้างรุนแรง ส่วนที่มีการยิบปประเด็นนี้มาโจมตีเมื่อเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี

"ผมว่าผมตอบได้ทุกคำถาม ปัญหาผมแก้ได้ ผมไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นจุดอ่อน"

ส่วนคำพูดที่ว่าตัวเองเป็นฤาษีเลี้ยงลิง คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ทำให้พี่น้องเราไม่สบายใจกันหลายคน ผมก็ปากไวไปนิดนึงจริงๆไม่ได้มีเจตนาด้วยความที่เราสนิทสนมกันในกลุ่มพี่น้อง เราไม่ได้เปรียบเทียบบุคคลเหล่านั้นเป็นลิงผมมองว่า ตอนสมัยเป็นนักเรียนผมได้รับการขนานนามว่าเป็นเห้งเจีย เพราะเป็นคนอยู่ไม่นิ่ง แต่หลายท่านคงไม่สบายใจผมก็ขอโทษทั้งหมดพรรคที่เข้าไปประสานในขณะนี้จริงๆเป็นหน้าที่ของประธานวิปเป็นคนประสานซึ่งขณะนี้มี 19 พรรค ซึ่งทั้งหมดยังมั่นคง อาจจะน้อยอกน้อยใจไปบ้างแต่ไม่เป็นไร เดินไปได้

สำหรับเสียงฝ่ายรัฐบาลที่มีการมองว่า อยู่ในระดับปริ่มน้ำ 250 หรือ 251 เสียงนั้น นักรบเขาไม่ทุกคนเขาไม่พกกระบี่แค่ 2 ด้าม ผมก็ต้องมีกระบี่สำคัญของผมด้วย มั่นใจว่าในเรื่องการดูแลประสานมีกลยุทธ์แบบหนึ่ง แบบสอง แบบสาม เสียงของรัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แม้จะมีไม้ที่สามก็ไม่ยากต่อการประสานงาน เรื่องนี้เป็นสัญญาใจกัน

ในการประสานแต่ละพรรคมนุษย์เราทุกคนมีจุดอ่อนเป็นของตัวเองเราก็ต้องศึกษาว่ าเขามีจุดอ่อนตรงไหน ก่อนจะไม่คุยต้องมีคำตอบว่าจะไปตอบโจทย์ตรงไหน ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากนั้น นักการเมืองถ้ารักษาคำพูด อะไรที่มันร้ายแรงมันก็จะคลี่คลายไปด้วยดี โดยส่วนตัวยึดถือคำพูดรับปากแล้วว่า จะต้องทำก็ต้องทำ การที่เขาลุกขึ้นมาปึงปังเป็นเพราะรับปากเขาแล้วไม่ทำ มันต้องมีที่มาที่ไป อันที่จริงแล้วเขาไม่ผิดเราไปผิดสัญญากับเขาเอง

แต่เรื่องที่พรรคเล็กจะไปเป็นประธานกรรมาธิการสภา เป็นเรื่องของสภาไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ซึ่งมันก็มีกรอบกฎหมายอยู่ว่าพรรคที่จะได้ตำแหน่งประธานกมธ.จะต้องมีส.ส.อย่างต่ำ 5 คน ส่วนการรวมตัวเป็นกลุ่ม รัฐธรรมนูญเขาไม่ได้บอกว่า รวมกลุ่ม แต่ใช้คำว่าพรรคถึงจะได้เก้าอี้ประธานกมธ. ส่วนคนที่พลาดหวังเดี๋ยวผมก็ต้องไปคุยไม่มีปัญหา

สุดท้ายถ้าจะบอกถึงตัวตนของตัวเองจะบอกว่า ชีวิตผมคุณแม่ผมเคยขอร้องว่าลูกต้องมีเงินมีทอง อย่าไปเล่นการเมือง คุณพ่อคุณแม่เคยสอนว่า การเมืองนี่แหระจำทำลายลูก ก็ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาพัวพันกับการเมือง พอมันมายุ่งการเมืองมันก็เป็นความรับผิดชอบที่เราต้องรับปากเขาแล้ว รับปากชาวบ้านแล้วเราจะไปผิดคำพูดไม่ได้ แต่ถ้าถามว่า สมัยหน้าจะลงอีกหรือไม่ก็ยังยืนยันว่าจะลงอีกเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนพะเยายังจะเอาผม ยิ่งพอไก้เป็นรมช.เกษตรก็ได้ไปเห็นความเป็นอยู่ของคนทุกภาค

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 'ธรรมนัส' ยันจบ ดร. จากม.แคลิฟอร์เนีย ไม่ใช่ฟิลิปปินส์
-'ธรรมนัส' โชว์หลักฐาน ยืนยันวุฒิการศึกษาถูกต้อง
-'ธรรมนัส' บอก 'เสรีพิศุทธ์' ตามสบาย จ่อตั้งเรื่องสอบในกมธ.ปราบโกง
-'เสรีพิศุทธ์' ​จ่อสอบ 'ธรรมนัส' คดียา-วุฒิศึกษาปลอม