ยกระดับ 'งานบริบาลไทย' ผ่านความร่วมมือวิชาการ 'ไทย-จีน' | World Wide View

ยกระดับ 'งานบริบาลไทย' ผ่านความร่วมมือวิชาการ 'ไทย-จีน' | World Wide View

ไทยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรบริบาล ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทย-จีน เช่น โครงการความร่วมมือระหว่างสมาคมโรงเรียนบริบาลของไทยกับมหาวิทยาลัยการแพทย์จีนฉวี้จิ้ง ก้าวแรกของ Thai–China Care Model เชื่อมองค์ความรู้การแพทย์จีนเข้ากับบริบทสังคมผู้สูงอายุไทย

เมื่อโลกก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาบุคลากรบริบาลให้มีทักษะหลากหลายมากขึ้น การดูแลผู้สูงวัยในยุคใหม่ไม่ใช่เพียงแค่การช่วยเหลือกิจวัตร แต่ต้องสามารถประเมินสัญญาณสุขภาพได้ด้วย แนวทางหนึ่งที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นคือการให้ความสำคัญกับสุขภาพองค์รวมของผู้สูงอายุเพื่อการป้องกัน โดยการผสานองค์ความรู้จากแพทย์แผนตะวันออกเข้ากับระบบการดูแลสุขภาพแบบตะวันตก และการเสริมสร้างทักษะให้ผู้ดูแลมีความรู้ในการประเมินสุขภาพผู้สูงอายุได้อย่างรอบด้านมากขึ้น เพื่อสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก่อนที่อาการใหญ่จะพัฒนาอย่างเงียบ ๆ

แพทย์แผนจีนเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานบริบาล โดยเฉพาะ “การประเมินผ่านการสังเกต” โดยหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญคือการดูลิ้น ซึ่งเป็นเสมือนหน้าต่างสะท้อนสภาวะภายในร่างกายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ สีของลิ้น รูปร่าง ความชุ่มชื้น และฝ้าบนลิ้น ล้วนสามารถบอกเล่าสุขภาพและความผิดปกติของร่างกาย เช่น ลิ้นซีดอาจเกี่ยวข้องกับภาวะเลือดพร่อง ลิ้นแดงจัดสัมพันธ์กับความร้อนภายใน หรือฝ้าลิ้นหนาบ่งถึงการทำงานผิดปกติของระบบย่อยและการสะสมความชื้น วิธีการดูลิ้นจึงสามารถช่วยให้ผู้ดูแลสังเกตความผิดปกติเล็ก ๆ เช่น ความเหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร หรือสัญญาณอักเสบในระยะเริ่มต้น ซึ่งมักเป็นอาการที่ผู้สูงอายุไม่รู้ตัวหรือไม่ได้แจ้งผู้ดูแลโดยตรง

ยกระดับ 'งานบริบาลไทย' ผ่านความร่วมมือวิชาการ 'ไทย-จีน' | World Wide View

แพทย์แผนจีนยังใช้ข้อมูลจากท่าทางการเดิน น้ำเสียง สีหน้า กลิ่นตัว และลักษณะการหายใจ เพื่อประเมินสุขภาพแบบองค์รวม การสังเกตเช่นนี้ช่วยให้ผู้ดูแลเข้าใจสภาวะร่างกายและอารมณ์ของผู้สูงอายุได้ละเอียดขึ้น และช่วยป้องกันความเสี่ยงก่อนเกิดปัญหาใหญ่ ซึ่งเป็นทักษะที่หลายประเทศกำลังบูรณาการเข้ากับระบบดูแลสุขภาพตะวันตก เพื่อพัฒนาการดูแลประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยก็ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรบริบาล โดยการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยและจีนให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม หนึ่งในโครงการฯ ที่เพิ่งจัดเสร็จไปในปีนี้คือความร่วมมือระหว่างสมาคมโรงเรียนบริบาลของไทยกับมหาวิทยาลัยการแพทย์จีนฉวี้จิ้ง (Qujing Medical College) มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทางสมาคมฯ ได้จัดโครงการอบรมทักษะแพทย์แผนจีนสำหรับบุคลากรด้านบริบาลและผู้บริหารสถานประกอบการด้านสุขภาพ ระหว่างวันที่ 9–24  พ.ย.2568 เพื่อเปิดมุมมองใหม่ต่อการดูแลผู้สูงอายุและการส่งเสริมสุขภาพแบบผสมผสาน โดยเฉพาะทักษะการประเมินอาการปวด ระบบไหลเวียน การฟื้นฟูสมรรถภาพ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในงานบริบาลประจำวัน ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มศักยภาพการสอนในหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุของโรงเรียนบริบาลไทย ให้มีมิติด้านแพทย์แผนจีนเสริมเข้าไปอย่างเป็นระบบ

ยกระดับ 'งานบริบาลไทย' ผ่านความร่วมมือวิชาการ 'ไทย-จีน' | World Wide View

ความร่วมมือครั้งนี้อาจเป็นก้าวแรกของ Thai–China Care Model ที่เชื่อมองค์ความรู้ด้านการแพทย์ดั้งเดิมของจีนเข้ากับบริบทสังคมผู้สูงอายุของไทย ซึ่งเติบโตเร็วและต้องการบุคลากรทักษะสูงจำนวนมาก และจะช่วยปูทางไปสู่ความร่วมมือทางวิชาการอื่น ๆ ระหว่างไทยกับจีน ทั้งการฝึกอบรมเฉพาะทาง เช่น ฝังเข็มพื้นฐาน ทุยหนาเพื่อการฟื้นฟู รวมถึงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและคณาจารย์ในอนาคต เพื่อยกระดับมาตรฐานบุคลากรบริบาล และเป็นการวางรากฐานด้านองค์ความรู้ใหม่ให้แก่ประเทศ เพื่อให้ผู้สูงอายุของไทยได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลต่อไปในอนาคต

ยกระดับ 'งานบริบาลไทย' ผ่านความร่วมมือวิชาการ 'ไทย-จีน' | World Wide View