กูรูมองอนุทินแสดงบทแข็งกร้าวปะทะกัมพูชาอาจทำให้ทรัมป์ไม่พอใจ

กูรูมองอนุทินแสดงบทแข็งกร้าวปะทะกัมพูชาอาจทำให้ทรัมป์ไม่พอใจ

นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูลของไทยกำลังใช้เหตุปะทะชายแดนรอบใหม่กับกัมพูชาปลุกกระแสชาตินิยมในประเทศก่อนการเลือกตั้ง นักวิเคราะห์ต่างชาติมองว่า การทำเช่นนี้ต้องเดิมพันว่าไม่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขุ่นเคืองใจมากเกิน เพราะทรัมป์อ้างเครดิตว่าเขาเป็นผู้ยุติการสู้รบก่อนหน้านี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นับเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับนายอนุทิน ผู้ยืนกรานว่าเหตุพิพาทกับกัมพูชาเป็นคนละเรื่องกับการเจรจาการค้าของไทยกับสหรัฐ ทั้งๆ ที่ทรัมป์เคยเชื่อมโยงกันมาก่อน เขาขู่ว่าจะไม่เจรจาด้วยเพื่อขู่ให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิงกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ในพิธีลงนามแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อเดือน ต.ค. ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทรัมป์ประกาศ “เราได้ทำบางอย่างที่หลายคนทำไม่ได้ เราเซฟชีวิตผู้คนเผลอๆ เป็นล้านๆ คน” และประเด็นไทย-กัมพูชาเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทรัมป์อ้างถึงบ่อยๆ ถึงจำนวนสงครามที่เขายุติได้ในปีนี้

ในเดือน พ.ย.ทรัมป์เรียกร้องผู้นำไทยและกัมพูชาให้ยึดมั่นในข้อตกลงสันติภาพ หลังรัฐบาลไทยระงับข้อตกลงแต่เพียงฝ่ายเดียวจากเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บหลายนาย

ส่วนเหตุปะทะล่าสุดขณะบลูมเบิร์กรายงานข่าว ทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็น ขณะที่นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. เรียกร้องหนักแน่นให้ “ยุติความเป็นปรปักษ์ทันที,ปกป้องชีวิตพลเรือน และให้ทั้งสองฝ่ายกลับสู่มาตรการลดความตึงเครียด” ที่กำหนดไว้ตามข้อตกลงวันที่ 26 ต.ค.

รายงานข่าวล่าสุด ทรัมป์กล่าวที่เพนซิลเวเนียเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ว่าจะโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหมายถึงวันที่ 10 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

“ความตึงเครียดที่ยกระดับขึ้นมาล่าสุดนี้อาจยิ่งตอกย้ำความกังวลในวอชิงตันว่า ประเทศไทยไม่สามารถหรือไม่ต้องการควบคุมความขัดแย้ง เป็นไปได้ว่าอาจทำให้ต้องชะลอการเจรจา หรือกระตุ้นให้สหรัฐตั้งเงื่อนไขเรียกร้องหลักประกันความมั่นคงที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นก่อนยอมผ่อนปรนทางเศรษฐกิจ” ลอรา ชวาร์ตซ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านเอเชียจาก บริษัทประเมินความเสี่ยง เวริสค์ เมเปิลครอฟต์  กล่าว

สำหรับตอนนี้อนุทินดูเหมือนเน้นที่ผลประโยชน์ในประเทศจากการแสดงท่าทีแข็งกร้าวมากกว่า เขาเพิ่งเข้าสู่อำนาจได้ไม่กี่เดือน และตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยด้วยคำมั่นว่าจะยุบสภาที่คาดกันว่าจะมีขึ้นภายในเดือน มี.ค.

รัฐบาลของเขาเน้นนโยบายเศรษฐกิจ “ควิก บิ๊กวิน” ใช้มาตรการกระตุ้นระยะสั้นเพื่อได้คะแนนนิยม

“นักการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ ต้องการปัญหาบางชนิดเพื่อเลี้ยงกระแสสนับสนุนระบอบของพวกเขาเอาไว้ การมีภัยคุกคามจากภายนอกสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวระหว่างรัฐบาลกับประชากรได้เสมอ"ซู มอน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านเอเชียแปซิฟิกจากArmed Conflict Location & Event Data Project กล่าว

ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดนยาวประมาณ 800 กิโลเมตรนั้นขึ้นๆ ลงๆ มาหลายปีแล้ว โดยมีแรงกระตุ้นเป็นระยะๆ จากลัทธิชาตินิยมของผู้นำในแต่ละช่วงเวลา

การปะทะล่าสุดเริ่มขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ กัมพูชาและไทยต่างโบ้ยว่าเป็นความผิดของอีกฝ่ายที่ทำให้สถานการณ์บานปลาย

 พลเอกชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบกกล่าวว่า“เป้าหมายคือกองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนานเพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”

บลูมเบิร์กรายงานว่า อนุทินสนับสนุนกองทัพอย่างแข็งแกร่ง เป็นไปได้ว่าอาจเรียนรู้จากประสบการณ์ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่แอบคุยโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชา ซึ่งดูเหมือนข้ามขั้นตอนของกองทัพ คลิปเสียงหลุดทำให้เธอต้องพ้นจากตำแหน่ง

ซูมอนกล่าวต่อไปว่า การกระทำของอนุทินให้อิสระกองทัพมากกว่าเดิมในประเด็นปัญหาชายแดน “เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลไทยต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพ”

นอกจากนี้ ยังอาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีมูลค่า 6.333 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024 ก็มีความสำคัญเช่นกัน

“การที่ทรัมป์ลงทุนเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิงด้วยตนเอง หมายความว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นใหม่ย่อมส่งผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อการรับรู้ของสหรัฐเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในฐานะคู่เจรจา” ชวาร์ตซ์จากเวริสค์ เมเปิลครอฟต์ กล่าวเสริม

ส่วนอนุทินเมินความเสี่ยงดังกล่าว ระบุ “นี่เป็นเรื่องระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. และเมื่อถูกถามถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เจ้าตัวตอบ “ไม่กังวล”

ความตึงเครียดรอบใหม่ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยต้องรับมือกับน้ำท่วมภาคใต้ครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี รัฐบาลถูกวิจารณ์ว่ารับมือช้าและไม่เท่าเทียม น้ำท่วมเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูท่องเที่ยวหนาแน่น รัฐบาลประเมินความเสียหายว่าอาจมากถึง 5 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สาธารณชนก็สนับสนุนท่าทีของอนุทินต่อกัมพูชาในระดับหนึ่ง ผลสำรวจความคิดเห็นในเดือน ส.ค. ผู้ให้ข้อมูลกว่าครึ่งกล่าวว่า ไทยไม่ควรติดต่อสัมพันธ์กับกัมพูชา และเสียงส่วนใหญ่เชื่อว่า“การแทรกแซงโดยมหาอำนาจ” นั้นเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

นอกจากนี้ เขายังได้รับการสนับสนุนอย่างน่าประหลาดใจจากกลุ่มธุรกิจ ซึ่งบางกลุ่มกำลังเผชิญกับผลกระทบรวมกันถึง 3.1 พันล้านดอลลาร์ จากการค้าชายแดนหยุดชะงักและภาษีนำเข้าของสหรัฐหอการค้าไทยมีแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรในสัปดาห์นี้ว่า “ความมั่นคงของชาติและชีวิตของประชาชนต้องมีความสำคัญเหนือกว่ามิติเศรษฐกิจ”

กระนั้น เวริสค์ เมเปิลครอฟต์มองว่า เศรษฐกิจไทยปรับตัวกับความผันผวนของการค้าโลกได้น้อยกว่าตลาดเกิดใหม่รายใหญ่อื่นๆ

เศรษฐกิจไทยซบเซาไปเรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวขาเข้าชะลอตัว การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ลดลงเหลือ 2.1% ขณะที่การส่งออกเดือน ต.ค. เติบโตเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน ซึ่งการขนส่งสินค้าบางส่วนอาจเป็นการเปลี่ยนเส้นทางจากจีนไปยังสหรัฐ

สัปดาห์นี้ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯ กัมพูชากล่าวหาว่า อนุทินโจมตีประเทศกัมพูชาก็เพื่อให้ได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่ตัวฮุนเซน และนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต บุตรชาย ก็อาจหวังผลประโยชน์จากเหตุการณ์รุนแรงขยายวงด้วยเช่นกัน

ทอม เพพินสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล มองว่านายกรัฐมนตรีที่ค่อนข้างใหม่ของกัมพูชา “มีแบ็กกราวด์ด้านการทหารจบนายร้อยเวสต์พอยท์ และไม่รีรอที่จะปกป้องประเทศจากอะไรก็ตามที่เขามองว่าเป็นความท้าทายอธิปไตยของกัมพูชาจากประเทศเพื่อนบ้าน”