เขียวเบาเบา

เขียวเบาเบา

ระวังแรงขายทำกำไรตามสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีขยับเข้าใกล้ Gap 1,690 – 1,695 จุด

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปิดแกว่งตัว +1.16 จุด (+0.07%) ปิดที่ระดับ 1,671 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 12 ก.ย.ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคาดไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตามได้แรงซื้อกลุ่ม Health ที่ Laggard กลุ่มอื่นหนุนให้ดัชนีสามารถปิดบวกได้สำเร็จ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นฝั่งซื้อสุทธิ 899 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 3,151 สัญญา แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,334 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,675 - 1,680 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว จาก Sentiment บวกความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม ECB (12 ก.ย.) และ FOMC (17-18 ก.ย.) รวมถึงกระแสข่าวสหรัฐกำลังพิจารณาเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค. ส่งผลให้กระแสเงินทุนเริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นและขายสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรและทองคำ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรงหลังซาอุฯเดินหน้าลดการผลิตน้ำมันต่อไปจะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางดัชนีอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม ควรระวังแรงขายทำกำไรตามสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีขยับเข้าใกล้ Gap 1,690 – 1,695 จุด

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP) อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 58 US/Barrel
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  ครม.เศรษฐกิจออก Thailand Plus กระตุ้นเร่งรัดลงทุน 7 ด้าน
  • หุ้น Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TOP (68.75 80) ระยะสั้นราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นช่วยคลายกังวลต่อผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบ ขณะที่ระยะกลางถึงยาวจะได้ปัจจัยบวกจากมาตรการใหม่ของ IMO โดยต้นปีหน้า IMO กำหนดให้กองเรือลดการใช้น้ำมันเตาซึ่งมีกำมะถันและซัลเฟอร์สูงคาดว่าจะหนุนให้กองเรือหันมาใช้น้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำแทนน้ำมันเตาเพิ่มมากขึ้นเป็นบวกต่อ TOP
  • CHG (2.42.6 คาดผลกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว และจะเห็นกำไรที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q19 โดยมีปัจจัยหนุนจากรายได้ประกันสังคมที่ฟื้นตัว โรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง ขาดทุนลดลง และยังมี Upside ในการปรับค่ารักษาพยาบาลกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเพิ่มคล้ายกับ BCH

บทวิเคราะห์วันนี้

CENTEL (ปิด 34.25 ถือ/เป้า 34 บาท), ERW (ปิด 6.25 ซื้อ/เป้า 7.2 บาท), MINT (ปิด 38.5 ซื้อ/เป้า 47 บาท), VNT (ปิด 24.2 ซื้อ/เป้า 29 บาท)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในโหมดพักตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกลบใหม่เข้ามากระตุ้นหรือกดดันตลาด: ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงตอบรับข่าวจีนและสหรัฐหันหน้าสู่โต๊ะเจรจาร่วมกันอีกครั้ง ประกอบกับนักลงทุนรอความชัดเจนเกี่ยวกับการประชุมของธนาคารกลางของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ ECB และ FED จึงทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีในหลายประเทศรวมถึง SET Index อยู่ในโหมดพักตัว
  • (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบบวกแรงกว่า 1.33 เหรียญฯ รับข่าวซาอุฯเดินหน้าลดการผลิตน้ำมันดิบ:ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นแรงกว่า 1.33 ดอลลาร์ (+2.4%) ปิดที่ 57.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอบรับข่าว เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซาลมาน รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ของซาอุดีอาระเบีย ออกมาให้คำมั่นว่า ซาอุฯจะเดินหน้าลดการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงของกลุ่ม OPEC + Non OPEC ต่อไป (OPEC + Non OPEC มีมติลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล ไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2020)
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติตดตาม วันนี้คาดที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 และ 12 ก.ย. ECB meeting ลุ้นลดดอกเบี้ยลงอีก: วันนี้ติดตามการประชุม ครม.คาดอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 ตามที่ ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบกันแล้วในวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นโครงการกระตุ้นการลงทุนใน EEC Project เน้นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI รวมไปถึงการเร่งรัดกระบวนการดำเนินการต่างๆให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งวันนี้คาดว่าจะเห็นรายละเอียดในเชิงของตัวเลขมากขึ้น ส่วนวันที่ 12 ก.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของยุโรป (ECB) โดยตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากปัจจุบันอยู่ที่ 0% จะกลายเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบ