‘ซินเน็ค’ เร่งเกมรุกเอไอ-ไอโอที ปูทาง ‘เซอร์วิส คอมพานี’ เต็มตัว

‘ซินเน็ค’ เร่งเกมรุกเอไอ-ไอโอที  ปูทาง ‘เซอร์วิส คอมพานี’ เต็มตัว

ตลาดไอทีตั้งความหวังไว้กับช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาสที่ 4 อย่างมาก

ด้วยสัญญาณเศรษฐกิจอ่อนแรง มีความไม่แน่นอน โจทย์ท้าทายที่คาดไม่ถึงและไม่อาจคาดเดาได้จากสงครามการค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่จีนและสหรัฐ ตลาดไอทีที่มีความผันผวนอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งมีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น 

สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน ดิสทริบิวเตอร์ (ดิสตี้) เบอร์หนึ่งในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีในประเทศไทยให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้เกิดผลกระทบกับทุกอุตสาหกรรม รวมถึงซินเน็คเองที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวไปด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยส่วนหนึ่งยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีก่อนหน้าที่สถานการณ์ดีกว่าทำให้ตัวเลขผลประกอบการที่ออกมามีความแตกต่างกันชัดเจน แต่ทั้งนี้เชื่อว่าทิศทางครึ่งปีหลังจะเป็นบวกกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน

“แม้ว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีภาวะเศรษฐกิจอาจยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก ทว่ายังหวังจะได้เห็นการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรัฐบาล อีกทางหนึ่งกำลังรอดูว่าช่วงปิดปีงบประมาณภาครัฐในไตรมาสที่ 3 และการจัดสรรงประมาณของปีใหม่ผลจะออกมาเป็นอย่างไร”

ลุ้นโค้งสุดท้ายกำลังซื้อไอทีฟื้น

สุธิดากล่าวว่า ตลาดไอทีตั้งความหวังไว้กับช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาสที่ 4 อย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ขณะเดียวกันแบรนด์ต่างๆ เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ และโหมกลยุทธ์การตลาดกันเต็มที่ ซินเน็คเองแม้ขณะนี้รายได้หลักยังมาจากการเป็นดิสทริบิวเตอร์ขายสินค้าเพื่อคอนซูมเมอร์ ทว่าได้เร่งปรับตัวโดยการหันไปให้ความสำคัญกับการให้บริการเชิงโซลูชั่นสำหรับธุรกิจองค์กรมากขึ้น

โดยสินค้าไฮไลต์คือ เอไอโอที(AIOT) ที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) และอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(ไอโอที) มุ่งช่วยให้องค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น

อย่างไรก็ดี ส่วนของการค้าปลีกสำหรับกลุ่มคอนซูเมอร์ ยังเชื่อว่าโอกาสการเติบโตยังมี โดยเฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรดและอีคอมเมิร์ซ ทั้งเห็นได้ว่าสินค้ากลุ่มเกมมิ่งมีกำลังซื้อดี ขณะที่กลุ่มอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ(คอนโพเนนท์) ยังคงทรงตัว

ส่วนโทรศัพท์มือถือได้รับผลกระทบบ้างจากสงครามการค้าจีนสหรัฐ แต่ด้วยความหลากหลายของแบรนด์ทำให้กำลังซื้อยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะนี้สินค้าสมาร์ทโฟนที่ขายดีอยู่ในช่วงราคา 6 พันถึงหนึ่งหมื่นบาทต้นๆ

ปีหน้าหวังรายได้โซลูชั่นแตะ30%

ผู้บริหารซินเน็คเผยว่า เพื่อปูทางไปสู่การเป็นเซอร์วิสโพรวายเดอร์อย่างเต็มตัว บริษัทได้เร่งปรับตัวและจริงจังกับการปรับโครงสร้างการทำงานภายในอย่างมาก ที่ผ่านมามีการเพิ่มทีมขาย ทีมวิศวกร รวมถึงเดินหน้าทำงานด้านเทรนนิ่งอย่างจริงจัง ตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทมุ่งให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย หลักๆ คือ ธุรกิจเฮลธ์แคร์ การศึกษา และโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า ปีนี้จะทำให้รายได้ที่มาจากกลุ่มโซลูชั่นแตะ 20% จากนั้นปี 2563 เพิ่มไปเป็น 30% และภายใน 5-6 ปีหวังทำให้ได้ถึง 50%

“เรากำลังปรับโมเดลการขายไปสู่รูปแบบแอสอะเซอร์วิสมากขึ้น จากนี้จะมีการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อเนื่อง พัฒนางานหลังบ้านทั้งด้านบริหารจัดการ การขาย การให้บริการ เพื่อว่าจะทำให้ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตได้มากขึ้น”

ซินเน็คมีพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 5 พันรายทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกขนาดตั้งแต่ระดับเล็ก กลาง จนถึงรายใหญ่ นับว่าเป็นดิสทริบิวเตอร์ที่มีตัวแทนจำหน่ายมากที่สุดในไทย จากจำนวนดังกล่าวที่แอคทีฟมีอยู่กว่า 3,000 ราย

ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทมาจากกลุ่มคอนซูเมอร์ 80% คอมเมอร์เชียล 20% หากแบ่งตามกลุ่มสินค้า สัดส่วนหลักๆ มาจากสมาร์ทโฟนมากกว่า 30% ระบบเน็ตเวิร์ค 15% คอมโพเนนท์ 12% ภาพรวมปีนี้หวังว่าจะเติบโตได้มากว่าตลาดไอทีที่ทรงตัว เป้าหมายที่ไว้ว่าจะเติบโตได้อีกไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท หรืออย่างน้อย 10-15% จากปีก่อนหน้ายังมีความเป็นไปได้ทว่าคงต้องเหนื่อยอย่างมาก

จุดแข็งของซินเน็คมาจากการมีฐานธุรกิจที่แข็งแรง สินค้าหลากหลาย ครอบคลุมทุกไลน์อัพไอที ทั้งบริษัทไม่เคยอยู่นิ่งมีความจริงจังในการปรับตัวให้เท่าทันกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันมีการร่วมมือทำธุรกิจกับผู้ผลิตระดับท็อปของอุตสาหกรรม เสริมด้วยการซีเนอร์ยีธุรกิจในเครือเพื่อร่วมกันผลักดันให้ภาพรวมผลประกอบการเติบโต