"อุตตม"ยันเศรษฐกิไทยไม่แย่ตามผลโพลล์

"อุตตม"ยันเศรษฐกิไทยไม่แย่ตามผลโพลล์

"อุตตม"ยันเศรษฐกิจไทยไม่แย่ตามผลโพลล์ระบุ พรัอมรับฟังเสียงประชาชน หากจำเป็นจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเปิดงานสัมมนาเพิ่มโปร่งใสและความซื่อสัตย์ในการจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะกล่าวถึงกรณีผลโพลล์สวนดุสิตและนิด้า ที่ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข รัฐบาลเองเพิ่งเข้ามาเพียงเดือนกว่าเท่านั้น ซึ่งก็พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ก็อย่างที่รู้ว่า เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ ฉะนั้น รัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง

"เราก็พร้อมรับฟังเสียงของประขาชน ถ้ามาตรการไม่เพียงพอเราก็จะพิจารณาเพิ่มเติม แต่ยืนยัน เศรษฐกิจโดยรวมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น"

สำหรับนโยบายจัดซื้อจัดจ้่างภาครัฐของไทยนั้น รัฐบาบได้ให้ความสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการทุจริต สร้างความโปร่งในการเปิดเผยข้อมูลแก่สารณชน โดยที่ผ่านมาการดูแลเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการผ่านระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่ขณะนี้ รัฐบาลได้ออกกฎหมายที่เป็นมาตรฐานสากลมากำกับดูแล ซึ่มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.2560

เขากล่าวว่า เนื่องจาก เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการปฏิรูป ในแต่ละปีรัฐบาลมีงบใช้จ่ายภาครัฐราว 15%ของจีดีีพี มีงบลงประมาณ 15-20% ของวงเงินงบประมาณ ถือว่า เป็นงบประมาณจำนวนมาก ดังนั้น ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในการจัดซื้อจัดจ้างจึงเป็นสิ่งสำคัญจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการทุจริต ถ้าเกิดปัญหาจะเกิดผลกระทบต่อภาครัฐและเอกชนจะขัดต่อแนวทางปฏิรูปประเทศ

"ที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิรูปจัดซื้อหลายด้าน ไม่ว่า การปรับระเบียบการรับรู้ นำไอทีมาช่วย ซึ่งเดิมเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้เป็น กฎหมายจัดซื้อพัสดุภาครัฐ โดยกฎหมายออกแบบสอดมาตรฐานสากล ฉะนั้น เราให้ความสำคัญ กำหนดกรอบเน้นความคุ้มค่า โปร่งใส ประสิทธิภาพ และ สามารถตรวจสอบได้ และเปิดให้เอกชนร่วม ในโครงการความโปร่งใสภาครัฐ และโครงการข้อตกลงคุณธรรม"

ทั้งนี้ รัฐบาลได้นำเทคโนโลยีใช้ในระบบจัดซื้อจัดจ้าง โดย กรมบัญขีกลางจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้้เชื่อมโยงปรับปรุงการจัดซื้อและเชื่อมโยงธนาคารพาณิชย์ 25 แห่งเพื่อวางหนังสือค้ำประกัน ทำให้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องผ่านกระดาษ และจะนำเทคโนโลยีเอไอมาช่วยตอบคำถามที่ไม่ซับซ้อน เช่น การติดตามอุทธรณ์ประมูล ขั้นตอนเสนอราคา เพื่อรองรับปริมาณคำถามที่รวดเร็วในแต่ละวัน และทำได้นอกเวลาทำการคาด 8-9 เดือนจะเสร็จสมบูรณ์

"รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายนำเทคโนโลยีเพื่อ e-goverment ฉะนั้น บล็อกเชนจะเป็นกระดูกสันหลังของระบบ โดยใน 1-2 เดือนข้างหน้ากระทรวงการคลังจะเปิดระบบบล็อกเขนที่เชื่อมระบบระหว่างกรมบัญชีกลางกับกรมภาษีทั้งหมด"