“อุตตม”เล็งใช้นโยบายคลังเชิงพื้นที่

“อุตตม”เล็งใช้นโยบายคลังเชิงพื้นที่

“อุตตม”เล็งใช้นโยบายคลังเชิงพื้นที่ สั่งตั้งทีมหมอคลังอาสามอบโจทย์สศค.ศึกษานโยบายเชิงพื้นที่เจาะลึกปัญหาและความต้องการตั้งแต่ระดับฐานราก พร้อมดึงเครือข่ายหน่วยงานรัฐและสมาคมแบงก์รัฐเข้าร่วมให้ความรู้พัฒนาอาชีพและการเงิน

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาวิชาการประจำปี2562ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ในหัวข้อ"คลังคิด เศรษฐกิจเชิงพื้นที่"โดยระบุว่า นับจากนี้การใช้นโยบายการคลังจะให้น้ำหนักในเชิงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในระดับฐานราก ดังนั้น จึงมอบโจทย์ให้กับสศค.ให้ลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลดังกล่าว เพื่อนำมาประเมินนโยบายที่จะดำเนินการในระยะต่อไป ซึ่งจะดึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมดำเนินการด้วย เบื้องต้น

”ขณะนี้ ได้สั่งสศค.ว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้าหากมีการผลักดัน เครือข่ายอาสา หรือ หมอคลังอาสา เพื่อลงไปให้ความรู้ทักษะเชิงปฎิบัติในพื้นที่ในเรื่องการเงินพื้นฐานในชุมชน  การทำยังไงไม่ให้มีหนี้สินและมีเงินออม  และเกิดความมั่งคั่งได้ ซึ่งคาดว่าการแนะนำลักษณะนี้จะลดปัญหาการเป็นหนี้ของคนในชุมชนได้  หรือถ้าหากรายใดเป็นหนี้ก็จะเข้าไปช่วยแนะนำหนทางปลดหนี้”

สำหรับนโยบายการคลังในเชิงพื้นที่ จะต้องมีการดำเนินการและบทบาทที่ชัดเจน เช่น คลังจังหวัดจะสามารถดำเนินงานด้านใดบ้างในเชิงรุก เครือข่ายธ.ก.ส. ไปรษณีย์ไทย จะเข้าไปช่วยพัฒนาเกษตรกร ออมสิน จะช่วยพัฒนาวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอีรายย่อย และสตาร์อัพ ให้ผลิตสินค้าและต้องขายได้ เป็นต้น โดยในอนาคตอาจจะดึงสมาคมธนาคารเข้ามาร่วมพัฒนาคนในพื้นที่ทางด้านการใช้เงินด้วย

“เมื่อวันก่อนได้มีการหารือกับสามาคมธนาคารเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าควรจะให้ความรู้เรื่องการเงินพื้นฐาน และการขอสินเชื่อ ซึ่งเรื่องนี้สมาคมธนาคารทำมาอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ชัดเจนขึ้นและจะทำอย่างจริงจัง ซึ่งจะถือว่าเป็นการนับหนึ่งของกระทรวงการคลังเลยก็ได้”

ส่วนกรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่จะมีการลงทะเบียนรอบใหม่นั้น จะมีการจัดแพคเกจสวัสดิการตามพื้นที่หรือไม่ นายอุตตม ตอบว่า  ผู้ที่ถือบัตรคนจนในรอบที่อยู่ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นคงไม่ทัน แต่ในอนาคตอาจจะมีการให้สวัสดิการเชิงพื้นที่ได้ โดยตอนนี้ได้สั่งให้เครือข่ายของกระทรวงการคลัง ไปรวบรวมข้อมูลในแต่ละพื้นที่แล้ว  เพราะแต่ละพื้นที่อาจต้องการสวัสดิการที่แตกต่างกัน

"การกำหนดเกณฑ์การลงทะเบียนผู้ถือบัตรสวัสดิการรอบใหม่นั้น อาจจะเป็นแบบบุคคลหรือรายครอบครัวก็ได้ ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนศึกษา ส่วนข้อกังวลที่ว่า อาจจะเป็นการหาเสียงในพื้นที่นั้น ทางกระทรวงการคลังจะดูให้ครบถ้วนทุกพื้นที่และมีเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา โดยสวัสดิการที่ออกมาจะต้องตอบโจทย์คนในพื้นที่และมีความเป็นธรรม”

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของพื้นที่ กระทรวงการคลังเริ่มดูแลตามยุทธศาสตร์ชาติมาหลายปี  โดยเฉพาะเรื่องการดูแลสวัสดิการของประชาชน เพราะหากต้องการให้สังคมเข้มแข็ง แต่ขาดสวัสดิการที่ควรจะมีคนในพื้นที่ ก็จะไม่พลังในการปรับเปลี่ยน  ดังนั้น กระทรวงการคลังและสศค.จึงร่วมกันออกนโยบาย เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  ผ่านกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสวัสดิการคนในพื้นที่

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวกระทรวงการคลังจะดึงเงินท้องถิ่นที่มีอยู่หลายแสนล้านบาทมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะรัฐบาลขาดเงินนั้น เขายืนยันว่า ไม่เป็นเรื่องจริง โดยงบประมาณมีความเพียงพอ ส่วนจะใช้งบท้องถิ่นอย่างไรนั้น จะขอหารือกับกระทรวงมหาดไทยก่อน เพราะเงินดังกล่าวถือเป็นเงินลงทุนที่ใช้พัฒนาพื้นที่ที่จะต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ

ด้านนายลวรณ แสงสนิท สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า เรื่องสวัสดิการเชิงพื้นที่นั้น จะต้องรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบิ๊กดาต้า ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมาก จะทำให้สศค.รู้ถึงข้อมูลเชิงพื้นที่มากที่สุด และรู้ได้ว่าควรบริหารงบประมาณที่มีอยู่อย่างไร ให้ตรงกับพื้นที่เป้าหมายมากที่สุด

“วันนี้สศค.ดูแค่ประสิทธิภาพการผลิต โครงสร้างพื้นฐานแต่ละพื้นที่ ถ้าหากจะมีการผลักดันสวัสดิการแต่ละพื้นที่ จะต้องรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปพัฒนาด้านข้อมูลของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ และจะดูว่าสศค.จะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ซึ่งอาจไม่ใช่ภาครัฐเพียงอย่างเดียวแต่รวมถึงภาคเอกชนด้วยเพราะรัฐบาลมีงบประมาณจำกัด ”

ส่วนการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นั้น ที่คาดว่าจะเริ่มต้นในปีหน้านั้น  การใช้เกณฑ์รายได้ครอบครัวจะเป็นหนึ่งในเกณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา เพื่อให้การคัดกรองผู้ที่มีรายน้อยให้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด  อย่างไรก็ตาม สศค.มีฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อย 14.7 ล้านคนอยู่แล้ว ซึ่งสามารถระบุได้ว่าอยู่ตรงไหนของประเทศไทย ประกอบอาชีพอะไร  แต่ถ้าหากมีการสำรวจข้อมูลในเชิงพื้นที่ใหม่  สวัสดิการในการลงทะเบียนรอบใหม่อาจเปลี่ยนไปให้เหมาะสมกับพื้นที่และงบประมาณที่มี ทั้งนี้คาดว่าหลังลงทะเบียนรอบใหม่เสร็จสิ้นจะใช้เวลาออกนโยบายใหม่สำหรับบัตรสวัสดิการภายใน 2 เดือน