Non-Bank Sector - Underweight

Non-Bank Sector - Underweight

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

Event

สรุปผลประกอบการ 2Q62 และแนวโน้มอุตสาหกรรม

lmpact

ผลประกอบการ 2Q62 ตํ่าเกินคาด และบริษัทต่าง ๆ ก็มองลบกับแนวโน้มระยะต่อไป

ผลประกอบการของสามบริษัทในกลุ่ม non-bank ออกมาต่ำเกินคาด โดยกำไรของ KTC แสดงสัญญาณความอ่อนแอจากอัตราการติดตามหนี้เสียที่ต่ำ และค่าใช้จ่ายในการกันสำรองเพิ่มขึ้นจากการที่กระแส NPL เกิดใหม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ ผลประกอบการของ MTC ก็ออกมาน่าผิดหวังเพราะค่าใช้จ่ายในการสำรองก้อนใหญ่เพื่อตัดหนี้สูญ และผลตอบแทนสินเชื่อลด มีเพียง SAWAD เท่านั้น ที่ผลประกอบการออกมาดีเกินคาดเนื่องจากมีรายได้อื่นก้อนใหญ่ (บริษัทไม่ได้เปิดเผยที่มาของรายได้ก้อนนี้) ซึ่งหากไม่รวมรายได้พิเศษก้อนนี้ ผลประกอบการจะต่ำกว่าที่คาดประมาณ 10% เนื่องจากมีการตั้งสำรองก้อนใหญ่

NPL เพิ่มขึ้นทำให้สำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกใน 2H62

หลังจากที่ตั้งสำรองในระดับที่ค่อนข้างนิ่งที่ไตรมาสละประมาณ 1.4 พันล้านบาทมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา KTC กลับมาตั้งสำรองฯเพิ่มเป็น 1.6 พันล้านบาทใน 2Q62 (+14% QoQ & +12% YoY) ในขณะที่ MTC ตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 189 ล้านบาท (จากแค่ 110-160 ล้านบาทในช่วง 5 ไตรมาสก่อนหน้า) ส่วน SAWAD ก็ตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นมากเป็น 196 ล้านบาท (จากแค่ 60-130 ล้านบาทในช่วง 5 ไตรมาสก่อนหน้า) นอกจากนี้ ทั้ง KTC และ MTC ต่างก็มองตรงกันว่า NPL เกิดใหม่ส่งสัญญาณเพิ่มขึ้น และทำให้ต้องกันสำรองเพิ่มอีกใน 2H62 ส่งผลให้ขยายสินเชื่อได้ในอัตราที่ชะลอลงใน 2H62 และต้องคอยจับตาดูความเสี่ยง NPL มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มีแค่ SAWAD ที่ยังคาดว่าบริษัทดูแล NPL เกิดใหม่ และยังคงเดินหน้ารุกขยายเครือข่ายสาขาต่อไป

ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง จะส่งผลดีในปี หน้า

ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในขาลงเช่นนี้ เรามองว่าการดำเนินงานของกลุ่ม non-bank จะยังไม่ได้อานิสงส์มากนักในระยะสั้น เพราะส่วนใหญ่ล็อกต้นทุนเอาไว้เป็นแบบระยะ ยาว โดยของ KTC คิดเป็นสัดส่วน 80% ของ SAWAD 74% และของ MTC 58% แต่อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงอาจจะส่งผลในปีหน้า โดย MTC น่าจะได้อานิสงส์มากที่สุดจากประเด็นนี้ ในขณะที่อานิสงส์ของ SAWAD อาจจะไม่ได้มากอย่างมีนัยสำคัญเพราะบริษัทลูก (BFIT) ตั้งเป้าจะเพิ่มฐานเงินฝาก ซึ่งทำให้ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มทรงตัวมากกว่าที่จะลดลง

ต้องระวังความเสี่ยงที่มากขึ้นใน 2H62

เราคิดว่าผลประกอบการที่น่าผิดหวังใน 2Q62 มาจากเหตุผลที่แตกต่างกัน โดยในกรณีของ KTC นั้นภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงทำให้หนี้เสียและค่าใช้จ่ายในการกันสำรองเพิ่มขึ้น และฉุดให้รายได้จากการติดตามหนี้เสียลดลง ซึ่งแนวโน้มใน 2H62 ก็ยังคงท้าทายต่อไป ส่วนในกรณีของ MTC และ SAWAD ถูกกดดันจากนำนโยบายการกำกับของธปท.แบบความเสี่ยงองค์รวม(macro prudential policy) และเกณฑ์ด้านการปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อลูกค้า (market conduct) เพื่อทำการปล่อยสินเชื่อใหม่ไม่ทำให้ภาระหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงเกินไป, และมีนโยบายการตั้งสำรองอย่างเพียงพอที่จะทำให้กิจการมั่นคง ทั้งนี้ เราเป็นห่วง SAWAD >MTC ในแง่ของการขยายสินเชื่อ และนโยบายการตั้งสำรองใน 2H62 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัพไซด์ของราคาเป้าหมายที่เหลือน้อย เราจึงแนะนำให้ ซื้อหุ้นกลุ่มนี้เมื่อราคาลดลง โดยเราปรับลดคำแนะนำ KTC จาก ซื้อ เป็น ถือ และ SAWAD จาก ถือเป็น ขาย

Risks

ธปท.เพิ่มเกณฑ์การกำกับนอนแบงก์ หนี้เสีย และการตั้งสำรองเพิ่ม