Risk off

Risk off

คาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,640 – 1,647 จุดก่อนจะสลับดีดตัว

ลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์: SET Index ปิดลบ -14.48 จุด (-0.87%) ปิดที่ระดับ 1,651 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท จากแรงกดดันสถานการณ์ Trade war สหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อซึ่งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับแรงขายกลุ่ม FIN หลังมีความกังวล NPL ที่อาจสูงขึ้นตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19 ส่งผลให้ดัชนีทรุดตัวลงแรง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาเป็นขายสุทธิ 2,025 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 3,949 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 629 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,640 – 1,647 จุดก่อนจะสลับดีดตัว เนื่องจากภาพรวมตลาดยังคงมีความกังวลผลกระทบ Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อซึ่งจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลนักลงทุนอยู่ในภาวะ Risk off ส่งผลให้ US Bond yield 10 ปีทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 1.7% รวมถึง VIX index พุ่งขึ้นสู่ 21 จุด ซึ่งเป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow ในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงนี้ นอกจากนี้สถานการณ์การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น รวมถึงความผันผวนของดัชนีจาก Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19 ก็เป็นอีกปัจจัยกดันต่อ sentiment การลงทุนในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น ( BGRIM, PLANB, MINT, JMT)
  • หุ้น Defensive stock ( INTUCH, ADVANC, BEM , BTS, TPCH ,BDMS ,GPSC ,TTW ,EA ,CPALL )

หุ้นแนะนำวันนี้: CPALL (ปิด 87 ซื้อ/เป้า 100) Top pick กลุ่มค้าปลีก ปลอดภัยจากปัญหา Trade war, SSSG ยังเป็นบวกคาดปีนี้ +3% การขยายสาขายังเป็นไปตามแผนตั้งเป้าที่ 700 สาขาต่อปี, AMATA (ปิด 24.60 ซื้อ/เป้า 28 บาท) ได้ Sentiment บวกจากภาพการเมืองที่ชัดเจน คาดรัฐบาลใหม่เดินหน้า EEC ต่อ ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น,

KSS report วันนี้: ANAN, BANPU, BPP, BEC, CPALL, GLOBAL, HANA, MAJOR, PSH, SVI, TOP และ WORK

ประเด็นสำคัญวันนี้:

  • (-) ดาวโจนส์ร่วง 390 จุด จากแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารและพลังงาน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อผลกระทบจากสงครามการค้า : ดัชนีดาวโจนส์ลดลงอีก 390 จุด (-1.48%) ปิดที่ระดับ 25,898 จุด มีหุ้นทั้งหมด 29 หลักทรัพย์ปรับตัวลงและมีเพียง 1 หลักทรัพย์เท่านั้นที่ปรับตัวขึ้น คือ หุ้น Johnson & Johnson โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานถูกขายมากและเป็นกลุ่มกดดันตลาดเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรกดดันให้ Bond yield 10 ปีของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 1.65% ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี สะท้อนถึงแนวโน้มว่าเฟดจะต้องลดดอกเบี้ยลงในอนาคต ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารจะต้องลดลงตาม เช่นเดียวกับกลุ่มพลังงานซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากความต้องการพลังงานที่ลดลงหลังจากเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว
  • (-) กังวลจีนใช้กองกำลังความมั่นคงแห่งชาติเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง หลังเหตุการณ์ประท้วงบานปลายสู่การปิดสนามบิน : เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงเริ่มจากความไม่เห็นต่างและประท้วงต่อร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ก่อนจะลุกลามเป็นการชุมนุมเรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จากนั้นบานปลายเป็นการเรียกร้องให้มีประชาธิปไตยในฮ่องกง รวมทั้งให้ฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้กดดันรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและล่าสุดได้บุกเข้าไปยึดพื้นที่ในสนามบินเป็นที่ชุมนุมส่งผลให้ท่าอากาศยานและสายการบินต้องสั่งยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดในเมื่อวานที่ผ่านมา สถานการณ์นี้สร้างความเป็นกังวลให้กับตลาดเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นที่คาดการณ์ว่าจีนอาจจะใช้กองกำลังความมั่นคงแห่งชาติเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง หลังจากจีนมองว่าการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการก่อการร้าย หากเกิดขึ้นจริงจะกระทบต่อ Sentiment การลงทุนเนื่องจาก ฮ่องกงเป็นเสมือนศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากจำนวนเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวที่ลดลง
  • (+) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะต้องรอถึงวันที่ 19-20 ส.ค.แต่คาดตลาดจะเก็งกำไรหุ้นที่จะได้ประโยชน์ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป: ตามที่คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจระบุว่าปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดว่าจะแล้วเสร็จและนำเสนอครม.ได้ในช่วงวันที่ 19 หรือ 20 ส.ค.ปัจจัยนี้คาดว่าจะกระตุ้นให้นักลงทุนทยอยเข้าสะสมหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ตั้งแต่สัปดาห์เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังมุ่งเน้นไปที่มาตรการเร่งด่วน อาทิ ค่าครองชีพ การประกันรายได้ภาคเกษตร บัตรสวัสดิการ เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก (Top pick CPALL), มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ภาครัฐอาจจะออกมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวเป็นรายประเทศ (Top pick MINT AOT) รวมไปถึงนโยบายต่อเนื่องอาทิ เมกะโปร์เจกต์ (Top pick: CK, SEAFCO) และ EEC Project (Top pick: AMATA, WHA)