Tradewar ผ่อนคลาย

Tradewar ผ่อนคลาย

คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรในช่วงดีดตัวขึ้นจากความกังวล IMF เตือนเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงขาลงและลดคาดการณ์ GDP โลกในปีนี้ลงสู่ 3.2%

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index ย่อตัวลงเล็กน้อย -2.71 จุด (-0.16%) ปิดที่ระดับ 1,724 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนอีกทั้งนักลงทุนรอติดตามความชัดเจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้ภาวะตลาดส่วนใหญ่เป็นแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,721 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX จำนวน 7,394 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,156 ล้านบาท 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,730 – 1,735 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตามความคาดหวังความคืบหน้าสถานการณ์ Tradewar หลังผู้แทนการค้าสหรัฐจะเดินทางไปเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์หน้าที่กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 อีก 4.4 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรในช่วงดีดตัวขึ้นจากความกังวล IMF เตือนเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงขาลงและลดคาดการณ์ GDP โลกในปีนี้ลงสู่ 3.2% นอกจากนี้ความผันผวนจาก Preview งบ 2Q19 ของกลุ่ม Real sector ซึ่งโดยรวมคาดว่าจะชะลอตัวจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน รวมถึงแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะกดดันต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น (PTTEP, EA, BGRIM, GPSC, CKP, CPF, GFPT, TFG, CPALL, MTC, THANI, VGI, PLANB, MINT, VNT, WORK, MAJOR, JMT, PRM)
  • หุ้นปันผลครึ่งปีเด่น (INTUCH, ADVANC, KKP, TCAP, LH, QH)

หุ้นแนะนำวันนี้AMATA (ปิด 24.3 ซื้อ/เป้า Consensus 26.5 บาท) ได้ Sentiment บวกจากภาพการเมืองที่ชัดเจนรัฐบาลใหม่เตรียมแถลงนโยบายในช่วงวันที่ 25-26 ก.ค. คาดเดินหน้า EEC ต่อ ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น, PTTEP (ปิด 136.5 ซื้อ/เป้า 150 บาท) เก็งกำไรก่อนประกาศงบ 2Q19 ในวันพรุ่งนี้ เราคาดว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ปตท. เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 2Q19 ที่ 12,555 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1%qoq และ 250%yoy

KSS report วันนี้: GLOBAL (ปิด 16.5 ซื้อ /เป้า 19.5), VNT (ปิด 24.8 ซื้อ /เป้า 29)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

  • (+) ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 177 จุด จาก 3 ข่าวบวก คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสดใส, ไม่มี US shutdown และ จีนกับสหรัฐกลับสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 177 จุด (+0.65%) ปิดที่ระดับ 27,349 จุด จาก 3 ปัจจัยหนุน คือ 1)ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐแข็งแกร่งมากโดยล่าสุดมีบริษัทในดัชนี S&P500 กว่า 80% จากทั้งหมด 104 บริษัทที่ประกาศกำไรสุทธิ 2Q19 มีผลกำไรดีกว่าที่ตลาดคาดไว้, 2)สภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ให้กับรัฐบาลสหรัฐทำให้ไม่มีภาวะเสี่ยงจาก US Shutdown และ 3)นักลงทุนมีความหวังทางบวกมากขึ้นกับปัญหา Trade war หลังจากมีกระแสข่าวว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งและเริ่มเจรจาแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้ากับจีนอีกครั้ง
  • (-) IMF ปรับลดคาดการณ์ World GDP ในปีนี้และปีหน้าเป็น 3.2% และ 3.5% จากเดิม 3.3% และ 3.6% ตามลำดับ สะท้อนผลกระทบจากสงครามการค้า: IMF กังวลผลกระทบจากปัญหา Trade war และ Brexit ของอังกฤษที่ยังยืดเยื้อ รวมไปถึงความขัดแย้งทางด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐกับจีนที่เพิ่มมากขึ้น โดย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่นำโดย จีนถูกลดคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าเหลือโต 6.2% และ 6% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 6.3% และ 6.1%, อินเดีย คาด GDP ปีนี้และปีหน้าโต 7% และ 7.2% จากเดิมคาดโต 7.3% และ 7.5% รวมไปถึงกลุ่มประเทศในอาเซียนซึ่งคาด GDP ในปีนี้จะโตเพียง 5% และ 5.1% จากเดิม 5.1% และ 5.2% ตามลำดับ
  • (+) ราคาน้ำมันยังอยู่ในโหมดของการฟื้นตัว โดยคืนนี้นักลงทุนคาดหวังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงอีกเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ (+1%) ปิดที่ระดับ 56.77$/bbl เนื่องจากนักลงทุนตอบรับในทางบวกจากข่าวจีนและสหรัฐจะเริ่มกลับสู่โต๊ะเจราจาเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้าอีกครั้ง และ นักลงทุนยังคาดหวังว่าในคืนนี้ EIA จะรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลงอีก 4.4 ล้านบาร์เรล ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 นับเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่ม Global play โดยเฉพาะ PTTEP
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม - 25 ก.ค. รัฐบาลแถลงนโยบายบริหารประเทศ, ECB meeting และ 26 ก.ค.สหรัฐประกาศ GDP ไตรมาส 2/19:  ในวันที่ 25 ก.ค.รัฐบาลจะประกาศนโยบายในการบริหารประเทศซึ่งคาดว่าจะเน้นไปที่นโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงนโยบายในระยะกลางถึงยาว อาทิ EEC project และ Mega Project ขณะที่ช่วงเย็นจะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของยุโรป (ECB) คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% ตามเดิม และวันที่ 26 ก.ค. สหรัฐประกาศ GDP ไตรมาส 2/19 Consensus คาดขยายตัว 1.8% หดตัวลงจาก ไตรมาส 1/19 ที่ขยายตัว 3.1% ปัจจัยนี้จะหนุนให้ Fed ลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 0.25% เป็น 0.5%