EKH - ซื้อ

EKH - ซื้อ

คาดกำไร 2Q62 เติบโต YoY แต่หดตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

Ø คาดการณ์กำไร 2Q62 ราว 35 ลบ. +56%YoY แต่ -22%QoQ: เราคาดการณ์รายได้ 2Q62 ราว 195 ลบ. +37%YoY -3%QoQ โดยหดตัว QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับ 1Q62 ผู้ป่วยในเพิ่มขึ้นจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างไรก็ดีเราคาดรายได้จะเติบโตโดดเด่น YoY สนับสนุนด้วยปัจจัย 2 ประการ 1) รับรู้รายได้จากศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) เต็มไตรมาส (IVF เปิดให้บริการ 3Q61) โดย รพ. มีรายได้เฉลี่ยจากการให้บริการดังกล่าวราว 4 แสนบาทต่อ 1 เคส มีคนไข้ใช้บริการเฉลี่ย 25-30 รายต่อเดือน และ 2) คาดอัตราใช้บริการของผู้ป่วยในจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ 62-65% จาก 2Q61 ที่ 60% เนื่องจากฤดูฝนเริ่มต้นเร็วกว่าปกติ ส่วน %GPM คาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจาก 1Q62 ที่ระดับ 45% สู่ 43% เนื่องจากอัตราการใช้บริการผู้ป่วยในปรับตัวลง ส่งผลให้เราประเมินกำไร 2Q62 ราว 35 ลบ. +56%YoY -22%QoQ

Ø คาดการเปิดใช้ตึกกุมารเวชในเดือน ส.ค. หนุนผลประกอบการ 2H62 : ศูนย์กุมารเวช (ตึกใหม่) มีจำนวน 5 ชั้น และสามารถรองรับผู้ป่วยในที่เป็นเด็กได้ทั้งหมด 60 เตียง ส่งผลให้รพ.มีจำนวนเตียงรวม 140 เตียง (จากเดิม 80 เตียง) ทั้งนี้เราคาดว่าจะเปิดให้บริการเฟสแรกในเดือน ส.ค. นี้จำนวน 4 ชั้น โดยชั้น 1 และ 2 ให้บริการผู้ป่วยนอกที่เป็นเด็ก และชั้น 3 และ 4 ให้บริการผู้ป่วยในจำนวน 40 เตียง และคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบทั้ง 60 เตียงภายในปี 63 โดยเราประมาณการรายได้ปี 62 ราว 820 ลบ. +29%YoY มีปัจจัยหนุน 3 ประการ ได้แก่ 1) คาดอัตรา %U.rate ของผู้ป่วยในตึกใหม่อยู่ที่ 40-60% เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยเด็กใช้บริการตึกเก่าราว 30-40 เตียงจะย้ายไปให้บริการที่ตึกใหม่ทั้งหมด 2) ศูนย์ IVF พระรามเก้าจะเปิดให้บริการครบ 3 ชั้น เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น และ 3) รับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์ IVF ซึ่งเราคาดการณ์รายได้ทั้งปีราว 200 ลบ. (1Q62 มีรายได้ 32 ลบ.) อย่างไรก็ดี ผลประกอบการอาจถูกกดดันเล็กน้อยจาก ค่าเสื่อมราคาสำหรับตึกใหม่ราว 5 ลบ. และมีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับศูนย์ IVF พระรามเก้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนปิดปรับปรุงชั้นที่ให้บริการผู้ป่วยเด็กจำนวน 28 เตียง และปรับปรุงขยายศูนย์ไตเทียมและศูนย์ตาเพิ่มเติม ทั้งนี้เราคาดการณ์กำไรปี 62 ราว 159 ลบ. +36%YoY 

Ø มีโอกาสเติบโตจากแผนกตึกกุมารเวชและศูนย์ IVF : จำนวนประชากรใน จ.สมุทรสาครปี 52-61 เติบโตเฉลี่ย 2.2%/ปี สู่ 5.77 แสนคน ขณะที่จำนวนเด็กเกิดปี 50-60 เติบโตเฉลี่ย 2%/ปี สู่ 1.3 หมื่นคน/ปี ทั้งนี้ รพ. มีจำนวนผู้ป่วยเด็กปี 57-61 เติบโตเฉลี่ย 5%/ปี สู่ 1.9 หมื่นคน/ปีซึ่งสูงกว่าการเติบโตของจำนวนประชากรในจังหวัดสมุทรสาครและจำนวนเด็กเกิด/ปี บ่งชี้ถึงการเป็นที่ยอมรับของรพ.และการให้บริการที่มีคุณภาพ โดยเราคาดว่าการเปิดตึกกุมารเวชจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยเด็กในอนาคตตามการเติบโตของจำนวนประชากรใน จ.สมุทรสาคร อีกทั้งศูนย์ IVF มีโอกาสเติบโตจากจีนเปลี่ยนโยบายจากลูกคนเดียวเป็นลูกสองคนทำให้มีครอบครัวที่ต้องการมีลูกเพิ่มเติมหันมาใช้บริการ IVF ทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีคนจีนที่เดินทางมาใช้บริการ IVF ในประเทศไทยราว 1 ล้านคู่จากผลของนโยบายลูกคนที่สองของจีน (ที่มา www.mgronline.com) โดยเราคาดศูนย์ IVF ของรพ. จะได้ประโยชน์จากคนจีนที่ต้องการมีลูกเนื่องจากในปัจจุบันลูกค้ากว่า 90% เป็นคนจีน ทั้งนี้ รพ. มีนายหน้าจากจีนเป็นผู้จัดหาผู้ที่ต้องการมีลูกให้ โดยศูนย์ IVF ของรพ. มีอัตราความสำเร็จ 60% ของการทำ IVF ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเราคาดว่าด้วยคุณภาพของศูนย์ IVF ของ รพ. จะดึงดูดให้คนจีนหันมาใช้บริการเพิ่มขึ้น

Ø เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8.70 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PE โดยอิง PE Ratio ที่ระดับ 33.3 เท่า (บวก 0.5 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทเติบโตดีกว่าอุตสาหกรรมรพ. เราคาดกำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 0.26 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสม 8.70 บาท ซึ่งมีอัพไซด์จากราคาปัจจุบัน 17% จึงเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ศูนย์ IVF ไม่สามารถคนไข้ได้ตามคาด
  2. การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์

    3. การแทรกแซงจากภาครัฐ