'วอลโว่' ชี้อีอีซี โอกาสธุรกิจแห่งภูมิภาค

'วอลโว่' ชี้อีอีซี โอกาสธุรกิจแห่งภูมิภาค

อีอีซี เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากมีการรวมการก่อสร้างขนาดใหญ่ไว้ในโครงการเดียวกัน ถือเป็นความน่าตื่นเต้นสำหรับการเกิดขึ้นของอีอีซี

โครงการขนาดใหญ่เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านการค้าและการลงทุนแห่งภูมิภาคและระดับโลก อย่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่กำลังมีความคืบหน้าด้วยการลงทุนก่อสร้างสาธาณูปโภคที่ไม่ใช่แค่ขั้นพื้นฐานแต่เป็นการวางแผนเพื่ออนาคต เกิดเป็นโอกาสของทุกธุรกิจไม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการก่อสร้าง ที่ต้องมีเครื่องจักรที่จะมาเป็นมือไม้แทนมือมนุษย์ในการสรรค์สร้าง ปั้นแต่ง เติมฝันให้เป็นจริงนั้น เป็นสิ่งที่ต้องเลือกอย่างดีเพราะโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ สำเร็จอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่ต้องสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบด้วย

\'วอลโว่\' ชี้อีอีซี โอกาสธุรกิจแห่งภูมิภาค

วินเซนต์ ตัน ประธานบริษัท Volvo Construction Equipment ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่า Volvo CE เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างช้านาน โดยตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ดำเนินธุรกิจโดยความร่วมมือกับบริษัทอิตัลไทยอุตสาหกรรม (ITI) ซึ่งเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรธุรกิจ ด้วยเครือข่ายสาขาและพนักงานกว่า 400 คนของบริษัทอิตัลไทยอุตสาหกรรม ทำให้ Volvo CE สามารถให้บริการลูกค้าได้ทั่วประเทศ

ความร่วมมือกับบริษัทอิตัลไทยอุตสาหกรรม ทำให้ธุรกิจของ Volvo CE เติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทฯ ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหาเครื่องจักรสำหรับการก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการเช่น โครงการ One Bangkok โครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการรถไฟรางคู่จากภาคกลางถึงภาคใต้ที่กำลังดำเนินการอยู่

แผนธุรกิจในอนาคตของ Volvo CE ในประเทศไทยคือการเป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานโครงการใหม่ๆ ด้วยการจับมือกับพันธมิตรเช่นบริษัทอิตัลไทยอุตสาหกรรมต่อไป

สำหรับอีอีซี นั้นมองว่าแม้ทั่วโลกกำลังมีความพยายามผลักดันโครงการลักษณะเดียวกันนี้คือเป็นโครงการขนาดใหญ่เพื่อดึงดูดการลงทุนโดยรัฐบาลมีโจทย์ที่ต้องตอบให้ได้ ทั้งเรื่องการทำให้โครงการเสร็จตามเวลา การทำให้ต้นทุนการก่อสร้างที่ถูกที่สุด รวมไปถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งโจทย์ทั้งหมดนี้ เครื่องจักรหนักของ Volvo CE เป็นคำตอบที่เหมาะสมของโครงการอีอีซี

ทั้งนี้อีอีซี ถือว่าเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเมื่อเทียบกับโครงการลักษณะเดียวกันในภูมิภาค เนื่องจากมีการรวมการก่อสร้างขนาดใหญ่ไว้ในโครงการเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ท่าเรือ รถไฟ รวมไปถึงการสร้างเมือง ถือเป็นความน่าตื่นเต้นสำหรับการเกิดขึ้นของอีอีซี และน่าจะเป็นแห่งแรกๆ ที่มีการรวมการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็นขนาดใหญ่ไว้ในโครงการเดียวกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้การเกิดขึ้นของสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ จะเกิดขึ้นแบบแยกส่วน นอกจากภาพรวมของโครงการที่มีความใหญ่โตแล้ว สิ่งที่ซ่อนอยู่คือความใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่อีอีซีจะมุ่งไปสู่การพัฒนาใหม่ว่าด้วยการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย

“เราออกแบบเครื่องจักรที่ดีกว่า เพื่อประโยชน์ที่มากกว่า และแน่นอน เพื่อสิ่งแวดล้อมและการคุ้มทุนในทางปฎิบัติการ เราเป็นเครื่องจักรระดับโลก ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ เช่น รันเวย์ที่สนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ การใช้เครื่องจักรของเรา ”

สำหรับอีอีซี ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นการถมทะเลเพื่่อสร้างท่าเรือ ซึ่ง Volvo CE ได้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างท่าเรือที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ ดังนั้นการนำเครื่องจักรหนักเดียวกันนี้มาใช้ในอีอีซีก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันความสำเร็จเช่นเดียวกันได้

Volvo CE ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมช่วยประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายอันท้าทายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี เพราะต่างก็เชื่อว่าการสร้างโลกที่ดีขึ้น สะอาดขึ้น ฉลาดขึ้น และเชื่อมโยงกันได้มากขึ้นจะช่วยสนับสนุนให้สังคมเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งแผนการลงทุนในโครงการอีอีซี ที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีนัยสำคัญต่อการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเชิงกายภาพและสังคมของประเทศไทยอย่างมากสะท้อนเป้าหมายอันท้าทายของประเทศในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น

บนพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และสังคมไทยโดยรวม ซึ่งการมุ่งพัฒนาพื้นที่ อีอีซีด้วยวิธีการที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ นวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมคือสิ่งที่เป็นไปในทางเดียวกันกับวิสัยทัศน์ของ Volvo CE ทุกๆ วัน ทุกๆ ชั่วโมง ทุกๆ นาที ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครื่องจักรของ Volvo CE คือส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่ดีขึ้น มีการใช้เครื่องจักรของวอลโว่ในหลายโครงการ
ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำที่เมือง Sundarbans ในประเทศอินเดีย โครงการก่อสร้างแนวป้องกันภูเขาไฟที่ Legazpi ในประเทศฟิลิปปินส์ และการก่อสร้างส่วนต่อขยายทางหลวง Pan-Borneo Highway จากประเทศมาเลเซียไปยังท่าเรือ Tuas mega ของสิงคโปร์ ดังนั้น Volvo CE มีความพร้อมอย่างมากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ใน EEC ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูง และโครงข่ายถนนต่างๆ

การพัฒนานวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญของซึ่งวอลโว่เป็นผู้นำด้านนี้ โดยมุ่งพัฒนาใน 3 ด้านได้แก่ 1.รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแบตตอรี่จะมีราคาถูกลงหลังการพัฒนาด้านนี้มีความรวดเร็วมาก นอกจากนี้ จะได้ประโยชน์ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน ทำให้ผลคุ้มทุนการทำงานเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายที่ลดลง

2.ออโตเมชั่น หรือเครื่องจักรไร้คนขับ อาจไม่ถึงขั้นไม่มีมนุษย์ในการทำงานเลย แต่มนุษย์อาจทำหน้าที่บนแผงควบคุมเครื่องจักรและใช้จำนวนคนที่น้อยลง และ3.เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ หรือ 5จี ว่าด้วยการ เชื่อมโยงกับอุปกรณ์การใช้งาน ซึ่งวอลโว่ได้ทำแล้วเมื่อพ.ย.ปี 2561 ที่สวีเดน เราได้วิจัยเพื่อโครงการนี้ และเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนส่วนตลาดอื่นๆ คาดว่าจะเกิดขึ้นได้เร็วๆ นี้

“ความพยายามนี้ ทำให้สามารถลดต้นทุนปฎิบัติงานได้ 25% ส่วนใหญ่มาจากการลดจากการจ่ายค่าแรง ขณะที่่ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงก็ลดลงด้วย จากการเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลไปเป็นระบบไฟฟ้า”

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยจะทำให้อีอีซีติดขัดหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า การเมืองมีกระบวนการของมันแต่วอลลโว่จะเน้นคือการสนับสนุนลูกค้าให้ได้สิ่งที่ต้องการ ได้งานที่สมบูรณ์แบบ เรื่องอื่นก็ยอมรับว่าไม่ได้ให้ความสนใจ เช่นเดียวกับเรื่องคู่แข่งที่ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากญี่ปุ่น จีน หรือ สหรัฐ ทุกคนเป็นคู่แข่งได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เราจะแข่งมีอย่างเดียวคือ การบริการที่สมบูรณ์แบบทำงานหลักคือการดูแลลูกค้า แม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่ามมาและจะทำให้การก่อสร้างชะลอตัวไปด้วย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำลายความมุ่งมั่นที่มี เช่นเดียวกับอีอีซี ที่มุ่งมั่นเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น