เป็นลบจากการปรับลด GDP ของธนาคารโลก หุ้นไทยน่าจะยังไม่ผ่าน 1650-1660

เป็นลบจากการปรับลด GDP ของธนาคารโลก หุ้นไทยน่าจะยังไม่ผ่าน 1650-1660

IMF คาดสงครามการค้ากระทบ GDP โลก 0.5% ในปี 2563

ขณะที่มองสหรัฐฯ จีน และเศรษฐกิจโลก เป็นผู้เสียหายจากความตึงเครียดทางการค้า ขณะที่ประเด็นการแยกตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) เป็นความเสี่ยงที่สำคัญอีกประการ อย่างไรก็ตาม IMF ยังคงมองเศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นจาก 3.3% ในปี 2562 เป็น 3.6% ในปี 2563 ดังนั้นเราประเมินการปรับเพิ่ม/ลดประมาณการทางเศรษฐกิจ จะเริ่มเป็นโฟกัสสำคัญ

ราคาน้ำมันปรับลดลง ติดตามการต่ออายุมาตรการปรับลดกำลังการผลิต ราคาน้ำมัน WIT ปรับลดลง 3.4% จากสต็อตน้ำมันสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 849,000 บาร์เรล ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันเรามองเป็นการสิ้นสุดมาตรการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงมิ.ย.ปีนี้ และด้วยปริมาณการผลิตของใงและส่งออกจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นความท้าทายต่อกลุ่มพันธมิตรโอเปคและนอกโอเปคที่จะดำเนินมาตรการปรับลดกำลังการผลิตต่อ โดยกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะมีการประชุมในวันที่ 25-26 มิ.ย.เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตในครึ่งปีหลัง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 โดยที่ประชุมรัฐสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 500 ต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 244 เสียง ซึ่งไม่ผิดไปจากที่ตลาดคาดหมาย จากนี้จะเห็นความชัดเจนของการตั้งรัฐบาลและการนำรายชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นลำดับถัดไป แม้เป็นปัจจัยบวกกับจิตวิทยาการลงทุน แต่เราประเมินระยะสั้นตลาดตอบรับปัจจัยบวกดังกล่าวพอสมควรแล้ว นักลงทุนจึงควรระวังความผันผวนของดัชนีที่บริเวณ 1650-1660 จุด

เลือกเก็งกำไรรายตัว หุ้นบริโภคในประเทศ ปลอดภัย หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำนาน ทยอยสะสมโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยยังคงความระมัดระวังในการเก็งกำไรเชิงตั้งรับ และรอจังหวะทยอยสะสม GPSC, CPF, TU, GFPT, SAWAD, AEONTS, TK, GCAP, AMANAH, PSH, AP, SPALI หรือกลุ่มที่ผลการดำเนินงานมั่นคง อาทิ WHART, FTREIT, EGATIF, EASTW, GUNKUL*, SSP*, AQUA* / ปิโตรเคมี โรงกลั่น ลงมาจนต่ำกว่าหรือใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี อาทิ TOP (61.82), PTTGC (66.94), IRPC (4.29), BCP (31.15) โดยเฉพาะ TOP และ PTTGC

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดฟื้นมาใกล้ 1650 และ 1663 จุด ทำให้อัพไซด์ระยะสั้นจำกัด ระวังแรงทำกำไรในกลุ่มที่ขึ้นมามาก (การเงินและกองทุนฯ) การเก็งกำไรเน้นไม่ไล่ราคาและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำวันนี้ AMATA, CPF* เก็งกำไร EASTW* (เป้า 13 ตัดขาดทุน 11.70), เก็งกำไร PTTGC* (เป้า 67 ตัดขาดทุน 60)

แนวรับ 1631 / แนวต้าน : 1650 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

กกร.เตรียมปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ – กกร.เตรียมทบทวนและประเมินตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 2 ก.ค. เพื่อนำผลกระทบจากตัวเลขส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

เฟดมีโอกาส 90% ที่จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. – FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์มีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. และมากกว่า 80% ที่จะปรับลดครั้งที่ 2 ในการประชุมเดือน ธ.ค.

WB หั่นคาดการณ์ GDP โลก – ธนาคารโลก (WB) หั่นคาดการณ์ GDP โลกปี 62 เหลือ 2.6% (จากเดิม 2.9%) และปี 63 เหลือ 2.7% (จากเดิม 2.8%) ขณะที่ไทยปรับลดเหลือ 3.5% (จากเดิม 3.8%)

 

ประเด็นติดตาม: 6 มิ.ย. – FED Beige Book, EU GDP 1Q19, ECB meeting, ไทยเปิดสภาโหวตเลือกนายกฯ

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)