JUBILE - ซื้อ

JUBILE - ซื้อ

กำไร 4Q61 ต่ำคาดจาก GP หดพร้อมปรับประมาณการกำไรปี 62 ลดลง

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 4Q61 หดตัว -28%YoY และ -11%QoQ กำไรปี 61 ต่ำกว่าคาด 26% : บริษัทรายงานกำไร 4Q61 ที่ 45 ล้านบาท(ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 26% จากอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัว) -28%YoY และ -11%QoQ แม้ว่ารายได้จากการขายจะเติบโตสู่ 424 ล้านบาท +18%QoQ เนื่องจากมีการจัดงาน Legendary of carat ในช่วงไตรมาส 4 ช่วยหนุนยอดขาย อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงสู่ 41.2% จาก 46.7% ในไตรมาสก่อนหน้าจากผลกระทบของการจัดงาน Legendary of carat ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลง 1% จากไตรมาสก่อนสู่ระดับ 28.4% ของยอดขายส่งผลให้กำไร 4Q61 อยู่ที่ 45 ล้านบาท -28%YoY และ -11%QoQ อย่างไรก็ตามเมื่อดูภาพรวมปี 61 มีรายได้อยู่ที่ 1.55 พันล้านบาททรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ 43.6% สู่ 44.4% จากผลของการบริหารต้นทุนสินค้าได้ดีขึ้น ด้านค่าใช้ในการขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% สู่ 329 ล้านบาทจากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าที่สาขา ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 5.3%YoY สู่ 125 ล้านบาทจากการเพิ่มจำนวนพนักงาน ส่งผลให้ปี 61 มีกำไร 191 ล้านบาท +3.5%YoY
  • บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโตราว 5-8%YoY : ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโตราว 5-8% สู่ระดับ 1.66 พันล้านบาทจากมีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีกราว 8 สาขา (5 สาขา Jubilee และ 3 สาขา Forever mark) อีกทั้งเน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่และเพิ่มราคาขายเฉลี่ยต่อบิลเพื่อหนุนการเติบโต และมีแผนขายสินค้าในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นแต่คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะยังทรงตัวเนื่องจากเป็นช่วงต้นของการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 40% (ปี 61 มีอัตรากำไรขั้นต้น 44.4%) ด้านค่าใช้จ่ายทางการเงินคาดว่าจะลดลงจากปี 61 เนื่องจากมีการชำระคืนเงินกู้ครบจำนวน
  • ปรับลดประมาณการกำไรปี 62 ลง 13% : ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 62 ลงจาก 224 ล้านบาทสู่ 194 ล้านบาทลดลง 13% จากประมาณการเดิม เนื่องจากในปี 61 บริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าการเติบโตของรายได้ ทำให้ปีนี้เราใช้มุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมเพิ่มขึ้น (conservative) โดยเราคาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 5% สู่ระดับ 1.63 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวที่ 44% เนื่องจากมีการจัดงานอีเว้นท์เพิ่มจากปีละ 1 ครั้งเป็นปีละ 2 ครั้งกดดันอัตรากำไรขั้นต้น ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะปรับตัวลงเนื่องจากมีบางส่วนเป็นต้นทุนคงที่ และคาดว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเนื่องจากบริษัทได้ชำระคืนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยไปหมดแล้ว (ปี 61 ค่าใช้จ่ายทางการเงินอยู่ที่ 0.3 ล้านบาท) โดยในปี 63 เราคาดว่าจะมีรายได้และกำไรราว 69 พันล้านบาทและ 208 ล้านบาท เติบโต 4% และ 7% ตามลำดับ
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเหมาะสมลงสู่ 18.90 บาท : ฝ่ายวิจัยปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 62 โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี P/E Ratio โดยปรับลด Prospective P/E ลงจาก 20 เท่าสู่ 17 เท่า (-1S.D. จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี)เนื่องจากรายได้และกำไรเริ่มชะลอการเติบโต โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ราว 1.11 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 18.90 บาทต่อหุ้นลดลงจากเดิม 25.60 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมา 39% ในปี 61 โดยตอบรับข่าวผลประกอบการไปแล้ว อีกทั้งหุ้นมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอที่ 4-5% ต่อปี และราคาปิดล่าสุดยังต่ำกว่าราคาเหมาะสมเราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง : การขยายสาขาล่าช้ากว่าแผน

              : การทำกิจกรรมการตลาดได้ผลต่ำกว่าคาด