มาแล้วโอกาสดีๆ ยูโอบีเฟ้น 15 เอสเอ็มอีติดอาวุธดิจิทัล

มาแล้วโอกาสดีๆ ยูโอบีเฟ้น 15 เอสเอ็มอีติดอาวุธดิจิทัล

“เดอะ ฟินแล็บ” ส่งโปรเจคติดอาวุธดิจิทัลให้ผู้ประกอบการในไทย ตั้งเป้านำร่อง 15 รายลุยตลาดโลก หลังจากประสบความสำเร็จติดอาวุธให้สตาร์ทอัพด้านการเงินหรือฟินเทคและเอสเอ็มอีในสิงคโปร์มาแล้ว 3 รุ่น

นโยบายไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ได้ถึง 50% ภายในปี 2568 จาก 36% ในปี 2561 ซึ่งมีเอสเอ็มอีเกือบ 3 ล้านราย คิดเป็น 99.7% ของบริษัททั้งหมด จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของจีดีพีและการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ที่จัดทำโดย เดอะ ฟินแล็บ ระบุว่า เอสเอ็มอีในไทยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโต 2 อันดับแรกคือ การรุกตลาดใหม่ (54%) และการใช้การตลาดระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มยอดขาย (51%) อย่างไรก็ตาม แม้จะให้ความสำคัญกับการใช้โซลูชั่นดิจิทัลต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธภาพการบริการออนไลน์ แต่ยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนค่าใช้จ่าย (67%) และความซับซ้อนของการใช้งานโซลูชั่นในการดำเนินงาน (44%)

ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารยูโอบี (ไทย) มองเห็นข้อจำกัดนี้จึงเปิดตัวโครงการ Smart Business Transformation เพื่อสนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศไทยให้สามารถเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มตัว โดยร่วมกับ เดอะ ฟินแล็บ ซึ่งเป็นกิจการที่ยูโอบีสิงคโปร์ร่วมจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 มีโครงการบ่มเพาะสำหรับสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีในสิงคโปร์มาแล้ว 3 รุ่น และจะเป็นผู้ดำเนินโครงการบ่มเพาะเอสเอ็มอีไทยด้วยเช่นกัน

ภารกิจของ เดอะ ฟินแล็บ คือการช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาคอาเซียนให้สามารถปรับตัวและขยายธุรกิจในยุคดิจิทัลได้ เพื่อที่จะแข่งขันในธุรกิจได้ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศและในภูมิภาค ยกตัวอย่าง “โคโคโลโค่” ธุรกิจนำเข้ามะพร้าวไทยในสิงคโปร์ ที่ทายาทรุ่น 2 เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะเพื่อเพิ่มความเป็นธุรกิจดิจิทัลและขยายธุรกิจสู่น้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม โดยใช้แอพพลิเคชั่นเป็น 1 ในช่องทางขาย มีระบบบริหารจัดการสต๊อกและบุคลากรแบบดิจิทัล

โปรเจคในช่วงแรกจะรับสมัครเอสเอ็มอี 50 ราย 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค การก่อสร้าง การขนส่ง ค้าปลีก ค้าส่งและธุรกิจท่องเที่ยว เข้าร่วมเวิร์คชอปทำความเข้าใจตลาดดิจิทัล เข้าใจปัญหา จุดแข็ง จุดอ่อนของธุรกิจตัวเอง จากนั้นจะคัดเหลือ 15 รายเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะระยะเวลา 3 เดือน ผู้เชี่ยวชาญจากเดอะ ฟินแล็บจะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถระบุปัญหาในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงแนะนำการใช้งานเครื่องมือต่างๆ ให้ความรู้และแนวทางการปรับตัวและสร้างความเชื่อมั่นในการใช้นวัตกรรม หลังจากนั้นจะมีการจับคู่กับผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อนำเทคโนโลยีไปทดลองแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"เมื่อเอสเอ็มอีเหล่านี้สามารถปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มตัวและสามารถแข่งขันในตลาดได้แล้ว พวกเขาจะต้องการเงินทุนสนับสนุนเพื่อการเติบโต ซึ่งยูโอบีเองจะให้การสนับสนุนแผนธุรกิจและการเงินของลูกค้าเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียต่อไป”

ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค การก่อสร้าง การขนส่ง ค้าปลีก ค้าส่ง และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถดูรายละเอียดและลงทะเบียนสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.thefinlab.com/thailand โดยเปิดรับสมัครวันนี้ถึงเดือนเมษายน 2562 โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการต้องมีความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยี พร้อมทั้งมีแผนขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคและมีผลประกอบการตั้งแต่ 25 – 1,000 ล้านบาท

โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดย สวทช.จะให้เงินทุนสนับสนุนในส่วนบริการให้คำปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือก ผ่านทางโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ITAP ด้านสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจฯ จะเป็นผู้สนับสนุนด้านการจัดหาเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในการใช้งานโซลูชั่นเทคโนโลยีใหม่ และจะเป็นผู้จัดกิจกรรมเวิร์กชอปเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในวิธีการสมัครเพื่อขอรับทุนดังกล่าว ส่วนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจฯ จะดูแลในเรื่องนโยบายและแผนงานใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถยกระดับการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านแทรคที่เรียกว่า Born Strong ที่มุ่งเน้นเอสเอ็มอีที่มีความเข้มแข็งและ Born Global สำหรับเอสเอ็มอีที่มีความเป็นไปได้ในตลาดส่งออก ซึ่งจะเป็นโครงการใหม่สำหรับปี 2562