ลุยยึดทรัพย์600ล้าน 'เสี่ยสมชาย-เจ้ใหญ่-เจ้ตุ๊' นายทุนเงินกู้นอกระบบ

ลุยยึดทรัพย์600ล้าน 'เสี่ยสมชาย-เจ้ใหญ่-เจ้ตุ๊' นายทุนเงินกู้นอกระบบ

สนธิกำลังตำรวจ-ทหาร-ปปง.นับร้อยนาย เข้ายึดทรัพย์ 7 จุดเครือข่ายเงินกู้นอกระบบที่ขอนแก่น ลุย "เสี่ยสมชาย-เจ้ใหญ่-เจ้ตุ๊" ทั้งบ้านและที่ดินมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้นำกำลังกว่า 100 นาย พร้อมหมายศาล เข้ายึดทรัพย์เครือข่ายเงินกู้นอกระบบของนายสมชาย นายทุนรายใหญ่ จำนวน 4 จุด ทั้ง บ้านหรูสไตล์โรมัน ด้านหลังสนามกีฬากลางจังหวัดขอนแก่น เนื้อที่กว่า 2 ไร่ , ร้านทองขอนแก่นเฮงเจริญ และอาคารพาณิชย์พักอาศัย ใจกลางเมืองจังหวัดขอนแก่น ซึ่งระหว่างเข้าดำเนินการนายเด่นชัย ลูกชายของนายสมชาย ได้เข้าเจรจาพร้อมระบุว่ามีการขอชะลอการบังคับคดี และอยู่ระหว่างการไกล่เกลี่ยกับกลุ่มลูกหนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็เดินหน้าตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ตามขั้นตอนทางกฎหมาย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ยังได้เข้ายึดทรัพย์เครือข่ายเงินกู้นอกระบบอีกเครือข่ายของนางมณีรัตน์ หรือ เจ้ใหญ่ และนางศิริรัตน์ หรือ เจ้ตุ๊ โดยเครือข่ายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้าดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งบ้านพักและโฉนดที่ดินอีกกว่า 170 ฉบับ



ภายหลังการยึดทรัพย์ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ในฐานะรองหัวหน้าชุดป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถยึดทรัพย์ได้ทั้ง 2 เครือข่าย คิดเป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายน ที่เคยมีการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมยึดอายัดทรัพย์มาแล้ว ต่อมาพบว่า ยังมีการร้องเรียนจากประชาชน กรณีไม่ได้รับการไกล่เกลี่ยจากเจ้าหนี้ และไม่ได้รับโฉนดที่ดินคืน เจ้าหน้าที่ฯ จึงบังคับใช้กฎหมายตาม พรบ.ฟอกเงิน เข้าดำเนินการ

สำหรับการดำเนินคดีกับนายทุนเงินกู้นอกระบบนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การดำเนินคดีอาญา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและข้อหาฟอกเงิน ส่วนที่ 2 คือ เจรจาไกล่เกลี่ยชำระหนี้ ซึ่งลูกหนี้ที่มีการกู้ยืมเงินไป ต้องชำระเงินต้นให้ครบตามจำนวน ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ตามที่กฎหมายกำหนด แต่หากลูกหนี้มีการชำระดอกเบี้ยเกินจากเงินต้นที่กู้ยืมมาแล้ว เจ้าหนี้ก็ต้องคืนทรัพย์สินให้ทันที

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีนายทุนเงินกู้นอกระบบ ประมาณ 3 แสนรายทั่วประเทศ ซึ่งมากกว่าร้อยละ 60 อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเจ้าหน้าที่ฯเชื่อว่า หากแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ ก็จะทำให้ปัญหาหนี้นอกระบบลดลง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลฯ เตรียมสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแต่ละภาค ประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มนายทุนเข้าสู่ระบบการกู้ยืมเงินที่ถูกกฎหมาย ด้วยการสมัครเป็นตัวแทน เพื่อให้กลุ่มลูกหนี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น และได้รับความเป็นธรรม