เอ็กซิมแบงก์เจาะสินเชื่อลงทุนตปท.มั่นใจปีนี้ปล่อยได้ตามเป้า

เอ็กซิมแบงก์เจาะสินเชื่อลงทุนตปท.มั่นใจปีนี้ปล่อยได้ตามเป้า

เอ็กซิมแบงก์มั่นใจปล่อยกู้ได้ตามเป้า 1.8หมื่นล้าน แม้ภาพรวมส่งออกทั้งปีไม่ดี ปรับตัวมุ่งเจาะกลุ่มสินเชื่อเพื่อการลงทุนซีแอลเอ็มวี

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า มั่นใจว่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท แม้ว่าภาคการค้าและการส่งออกโดยรวมจะไม่ค่อยดี  เนื่องจากธนาคารได้ปรับตัวเจาะกลุ่มสินเชื่อเพื่อการลงทุนมากขึ้น  โดยสินเชื่อปล่อยใหม่ ณ สิ้นเดือน ส.ค.ธนาคารทำได้แล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท 

สำหรับสินเชื่อเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ ล่าสุดของเอ็กซิมแบงก์ คิดเป็น 75% ของสินเชื่อคงค้างทั้งระบบที่มีอยู่ 7.5 หมื่นล้านบาท โดยมีการเติบโตในระดับ10% เป็นการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของสินเชื่อปกติที่มีการเติบโตประมาณ 3-5%  ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 5.1% ตั้งเป้าไว้ว่าปลายปีนี้จะลดเอ็นพีแอลให้เหลือต่ำกว่า 5% 

“ปีนี้เป็นปีแรกที่การค้าโลกเติบโตต่ำกว่าการเติบโตของจีดีพีโลก เนื่องจากในแต่ละประเทศได้ปรับตัวหันมากบริโภคภายในประเทศกันมากขึ้น  ธนาคารเองก็ต้องปรับตัว โดยมุ่งไปเจาะกลุ่มสินเชื่อเพื่อการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มซีแอลเอ็มวี โดยปลายปีนี้ธนาคารจะไปเปิดสำนักงานตัวแทนที่พม่า และปีหน้าจะเปิดอีก 3 ประเทศ คือ ลาม กัมพูชา และเวียดนาม”

ธนาคารได้ออกสินเชื่อใหม่ คือ สินเชื่อส่งออกทันใจ (EXIM Instant Credit) เป็นสินเชื่อหมุนเวียนระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ต่อปี พร้อมบริการรับซื้อตั๋วส่งออกอ นุมัติเร็วภายใน 7 วันทำการ จากเดิมใช้เวลาอนุมัติ 30 วัน  และมีวงเงินสูงสุด 500,000 บาทต่อราย 

เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกที่เป็นเอสเอ็มอีให้ส่งออกได้มากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ส่งออกไทยจะได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและของขวัญในช่วงเทศกาลตั้งแต่ปลายปีจนถึงต้นปีหน้า 

เพราะแม้ว่าภาคการส่งออกของไทยจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ผู้ส่งออกยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจทั้งภายในและภายนอก เช่น การขาดสภาพคล่อง เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ  ธนาคารจึงมีนโยบายพัฒนาบริการที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกที่เป็นเอสเอ็มอีของไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีความพร้อมในการขยายธุรกิจได้มากขึ้น

“ผู้ส่งออก SMEs เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้การส่งออกขยายตัวมากขึ้น  ธนาคารจึงได้พัฒนาบริการสินเชื่อ ควบคู่ไปกับเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ผู้ส่งออกเอสเอ็มอี  โดยเน้นความรวดเร็วและความสะดวกในการเข้าถึงบริการของเอสเอ็มอี โดยสินเชื่อส่งออกทันใจเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกไทยในไตรมาสสุดท้าย”