เผยธุรกิจแปรรูปเนื้อไก่ไทยกดขี่แรงงานต่างด้าว

เผยธุรกิจแปรรูปเนื้อไก่ไทยกดขี่แรงงานต่างด้าว

รายงานของคณะนักวิจัยยุโรป ชี้ แรงงานอพยพต่างชาติในธุรกิจแปรรูปเนื้อไก่ของไทย เผชิญกับการกดขี่เอารัดเอาเปรียบ

รายงานของคณะนักวิจัยยุโรป เผยแพร่เมื่อวันพุธ ระบุว่า แรงงานอพยพต่างชาติในธุรกิจแปรรูปเนื้อไก่ของไทย ที่ส่งไปยังยุโรป ตลาดส่งออกขนาดใหญ่สุด เผชิญกับการกดขี่เอารัดเอาเปรียบอย่างแพร่หลายโดยบรรดานายจ้างส่วนหนึ่งเนื่องจากกลุ่มผู้ตรวจสอบต่างชาติ มุ่งเน้นด้านความปลอดภัยของอาหาร มากกว่าสภาพการทำงานของแรงงาน

ทั้งนี้ เนื้อไก่กำลังจะกลายเป็นเนื้อสัตว์ที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้า แซงหน้าเนื้อหมู และจากข้อมูลของ “สเวดวอทช์” (Swedwatch) องค์กรไม่แสวงผลกำไรซึ่งจับตาตรวจสอบผลกระทบของบริษัทต่างๆ ในสวีเดน ทางด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนระบุว่า ความนิยมเพิ่มมากขึ้นกลายเป็นผลดีต่อผู้จัดส่งสัตว์ปีกรายใหญ่อย่างไทย ซึ่งส่งเนื้อไก่แปรรูปประมาณ 270,000 ตัน ไปยังสหภาพยุโรป หรืออียูในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ การศึกษาร่วมกันของสเวดวอทช์กับฟินวอทช์ (Finnwatch) องค์กรจากฟินแลนด์ก็พบว่า คนงานโรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่ยากจนกว่าของไทยอย่างกัมพูชาและเมียนมา ถูกเอาเปรียบจากนายหน้าและนายจ้าง ซึ่งยึดหนังสือเดินทางของแรงงานเหล่านี้ไว้ และคิดค่าหัวในการสมัครงานมากเกินไป

รายงานชิ้นนี้ ตอกย้ำสถานการณ์การกดขี่แรงงานในไทย ซึ่งทำให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐลดอันดับของไทย ในรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2557 เมื่อช่วงต้นปีนี้ ขณะที่อียูขู่จะห้ามนำเข้าอาหารทะเลไทย หากทางการไทยล้มเหลวในการออกมาตรการที่เพียงพอสำหรับการต่อต้านแรงงานทาสและการประมงที่ผิดกฎหมาย