เนคไทผ้าขาวม้า...อวดไทย

เนคไทผ้าขาวม้า...อวดไทย

เฉพาะแค่ไอเดียนำวัตถุดิบผ้าขาวม้ามาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่สิ่งที่แบรนด์ "อิมมัส"คิดและทำ

บุษกร ภู่แส รายงาน

เฉพาะแค่ไอเดียนำวัตถุดิบผ้าขาวม้ามาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่สิ่งที่แบรนด์ "อิมมัส" (Immas) คิดและทำมากกว่านั้นคือ การนำเสนอผ้าขาวม้าให้เป็นส่วนหนึ่งในแฟชั่นสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงานในรูปแบบ "เนคไทผ้าขาวม้า" ภายใต้แนวคิดสืบสานเอกลักษณ์ไทยในสไตล์เรียบ หรูหราและมีคุณค่า

เริ่มจากแนวคิดในการแปลงเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้เป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่มีอัตลักษณ์ "การันต์ เรสลี" ดีไซเนอร์และผู้บริหารบริษัท อิมมัส ดีไซน์ จำกัด เลือกหยิบใช้ผ้าขาวม้ามาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเนคไทและสินค้าพรีเมียมตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่รวมทั้งชาวต่างชาติ

พลิกไอเดียด้วย"ไทย"

จุดเริ่มต้นของเนคไทผ้าขาวม้า คือการต่อยอดธุรกิจครอบครัวของการันต์ ที่รับจ้างผลิตเนคไทให้กับร้านขายผ้าไหมไทยรายใหญ่ โดยขณะนั้นมีคนงานกว่า 30 คน ผลิตเนคไทกว่า 5,000 เส้นต่อเดือนเป็นเวลากว่า 50 ปี ทำให้เขามองเห็นโอกาสทางการตลาดที่เปิดกว้างให้กับสินค้าเอกลักษณ์ไทย จึงตัดสินใจต่อยอดชิ้นงานของครอบครัวด้วยการนำผ้าขาวม้า มาออกแบบเป็นเทคไทเพื่อสร้างความแตกต่าง

เนื่องจากผ้าขาวม้ามีเสน่ห์ในตัวเอง มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายความเป็นไทยแทรกอยู่ด้วย ดังนั้น หากต้องการผลิตสินค้าที่สะท้อนถึงความเป็นไทย ผ้าขาวม้าถือเป็นวัตถุดิบที่สามารถสร้างมูลค่า และทำให้เกิดคุณค่าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

"เริ่มจากการนำเสนอเนคไทสำหรับวัยรุ่น ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ง่ายพร้อมกับเป็นการนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยไปด้วย ถือเป็นจุดขายที่ดีในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า หลังจากเริ่มวางจำหน่ายได้รับผลการตอบรับที่ดี ทำให้เรามั่นใจกับแนวทางการทำตลาดนี้อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบลวดลาย และสีสันให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ ถ้าเป็นรูปทรงมาตรฐานขนาดกว้าง 3 นิ้วครึ่งจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นจะทำเนคไทให้มีขนาดเล็กลงมาเป็น 2 นิ้วครึ่ง จะเป็นทรงที่ร่วมสมัยมากขึ้น ช่วยทำให้ดูเป็นชายหนุ่มที่มีความทันสมัยสไตล์เกาหลี"

เนคไทถือเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของการแต่งกายในปัจจุบันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การเข้ามาทำตลาดเนคไทน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยเฉพาะกับกลุ่มบัณฑิตที่กำลังก้าวเข้าสู่อาชีพการงาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เนคไท เริ่มต้นจากสีเรียบก่อนที่จะเน้นสีสัน เขามองว่าสีสันของผ้าขาวม้าสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งคนไทยและคนเอเชียอยู่แล้ว เพราะเป็นสีที่สดใสเหมาะกับประเทศในเขตร้อน

มองไกลโกอินเตอร์

ทั้งนี้ เส้นใยที่นำมาทอผ้าขาวม้ามีหลายชนิด ส่วนใหญ่นิยมทอมาจากฝ้าย แต่บางครั้งอาจทอจากเส้นไหม บางท้องถิ่นนิยมทอจากเส้นด้ายดิบและเส้นป่าน นิยมทอสลับสีกันเป็นลายตาหมากรุกหรือเป็นลายทาง ส่วนมากผลิตในแถบภาคเหนือหรือภาคอีสาน มีขนาดความกว้าง-ยาวแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะกว้างประมาณ 3 คืบ ยาว 5 คืบ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เหมาะสำหรับชายไทยทั่วไป อายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปี สำหรับราคาก็จะแตกต่างกันตามเส้นใยที่ใช้การทอและสีสันลวดลายของผ้า

ปัจจุบัน การันต์ขยายไลน์ชิ้นงานดีไซน์ที่มีผ้าขาวม้าเป็นพระเอก จากเนคไทไปยังสินค้าที่ระลึกและสินค้าพรีเมียม เช่น ผ้าพันคอ ปกไดอารี ตุ๊กตา พวงกุญแจ กระเป๋าผ้า กระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์ หมอนอิง เบาะรองนั่ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ทั้งยังมีแนวคิดที่จะขยายสู่สินค้าที่ระลึกตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

เมื่อลูกค้าเป้าหมายอยู่ในกลุ่มวัยรุ่ย วัยทำงานและต่างชาติ ช่องทางการขายของเขาจึงเป็นห้างสรรพสินค้า ดิวตี้ฟรีและการฝากขายตามแหล่งท่องเที่ยวเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลี จีน ที่นิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว ที่มีความคุ้นเคยกับการใช้ผ้าขาวม้า

นอกจากนี้ยังนำเสนอเป็นสินค้าพรีเมียมเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าองค์กร ทั้งหน่วยงานภาครัฐบาล บริษัทเอกชน มหาวิทยาลัย คอนโดมีเนียม โรงแรม และรีสอร์ท ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยจะใช้วิธีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดผ่านงานประชุมสัมมนา งานอีเว้นต์ตามเทศกาลต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ และในอนาคตจะสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียด้วย

การันต์มั่นใจว่า การผสมผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทยและสากลผ่านเนคไทผ้าขาวม้า ภายใต้แนวคิดการสืบสานเอกลักษณ์ไทยในสไตล์เรียบ หรูหราและมีคุณค่า จะช่วยให้แบรนด์อิมมัสก้าวสู่ตลาดระดับโลกได้อย่างสวยงาม