ตร.ห้ามม็อบ 7 ส.ค.เฉียด 'วัดพระแก้ว' ลั่นหากรุนแรงจัดการทันที

ตร.ห้ามม็อบ 7 ส.ค.เฉียด 'วัดพระแก้ว' ลั่นหากรุนแรงจัดการทันที

บช.น. จัดกำลังดูแลสถานที่สำคัญ รับมือการชุมนุม 7 ส.ค.นี้ ป้องเหตุรุนแรงเสี่ยงทำให้สาธารณะสมบัติของชาติเสียหาย

5 ส.ค.2564  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. โฆษกบช.น. เปิดเผยกรณีที่มีการนัดหมายการชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ของกลุ่มเคลื่อนไหวทาง การเมืองในวันที่ 7 ส.ค.ตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้แก่ กลุ่มเยาวชนปลดแอก Free Youth นัดหมายเริ่มเวลา 13.00  น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปพระบรมหาราชวัง

กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม นัดหมายยังไม่ทราบเวลา ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จัดกิจกรรมในลักษณะ CarMob 2 ล้อ เคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ บช.น.เตือนว่าพื้นที่กทม.ยังอยู่ระหว่างการแพร่ระบาดโรครุนแรง การดำเนินการนัดหมายชุมนุมหรือรวมตัวกันทำกิจกรรม มั่วสุมด้วยประการหนึ่งประการใด ถือจะเป็นการกระทำผิดกฎหมายตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และข้อหาอื่นๆ อาทิ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง พ.ร.บ.ความสะอาด และความผิดอาญามั่วสุมตั้ง 10 คน ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 

"ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. เวลา 15.10 - 19.20 น. ที่มีกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ได้นำมวลชนมาทำกิจกรรมชุมนุมปราศรัยที่หน้าหอศิลปั แยกปทุมวัน ซึ่งภายหลังจากการชุมนุมในวันเดียวกันนั้น สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์เครื่องขยายเสียงและผู้จัดอุปกรณ์เวทีที่ใช้ในการปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุม ได้จำนวน 5 ราย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ,ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และจอดหรือขับขี่รถยนต์บนทางเท้า ทั้งนี้ ทาง สน.ปทุมวัน ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดผัดฟ้องและฝากขังต่อศาลแขวงปทุมวันแล้ว เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา" รองผบช.น. กล่าว

 พล.ต.ท.ปิยะ ระบุว่า โดยขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ในภาพทั้งหมด 293 คดี อยู่ระหว่างสอบสวน 97 คดี ส่งสำนวนอัยการหรือสอบสวนดำเนินคดีแล้ว 196 คดี และได้สั่งการให้ สน. ท้องที่เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมชุมนุมต่างๆ ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และเร่งติดตามผู้มาดำเนินคดีทุกราย โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำที่ยังคงยุยงปลุกปั่นให้มวลชนหรือกลุ่มแนวร่วมก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยทาง บช.น. ยืนยันว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง พกพาอาวุธ ดื้อดึงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งได้ปฏิบัติการตามหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จำเป็นที่จะต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย และบังคับใช้กฎหมายในทุกข้อหาต่อไป

เมื่อถามถึงกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า มีการประกาศผ่านโซเซี่ยลมีเดียเท่านั้น การขออนุญาตชุมนุมไม่สามารถขอได้ ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น ผบช.น. สั่งการจัดเตรียมกำลังดูแลสถานที่สำคัญ สถานที่ราชการ โบราณสถาน

อย่างไรก็ตาม กรณีเป็นความผิดตามกฎหมายไม่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่งก็ดำเนินคดีภายหลัง แต่หากมีการกระทำที่ใช้คงามรุนแรงจะบังคับใช้กฎหมายทันที อาทิ หน้า บช.บส. ละเมิดกฎหมายหลายบท บุกรุก มีการบังคับใช้กฎหมายและมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่พิจารณาสั่งการดำเนินการ

เมื่อถามว่า บริเวณหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง มีการเตรียมความพร้อมประกาศห้ามเข้าใกล้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมความพร้อมไว้ป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชน มีความเสี่ยงทำให้สาธารณะสมบัติของชาติเสียหาย ก็ต้องดำเนินการป้องกันไม่ว่าจะอยู่ในระยะ 150 เมตร หรือ 300 เมตรก็ตาม และถ้าหาก มีการก่อเหตุจนมีแนวโน้มว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านปลายถึงขั้นรุนแรง ตำรวจต้องเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยทันที 

ส่วนกลุ่มมวลชนปกป้องสถาบัน ที่จะออกมาเคลื่อนไหวนั้นเสี่ยงเกิดม็อบชนม็อบหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจะต้องป้องกันการปะทะดังกล่าว ไม่ใช่แค่กลุ่มเดียว แต่เป็นคนไทยทั้งประเทศ ส่วนการคัดกรองมวลชนเข้าพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัด หรือจุดคัดกรองเต็มรูปแบบ คาดว่าครั้งนี้มีการตั้งจุดตรวจสกัด และเชื่อมั่นว่าจะดูแลสถานการณ์ได้ แต่ถ้าปิดถนนค้างคืนทำให้คนเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ตำรวจจะไม่ยอม

เมื่อถามว่า กองทัพมีการประเมินสถานการณ์ชุมนุมวันที่ 7 ส.ค. และได้ประสานงานร่วมกันอย่างไร่บ้าง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า  สถานที่ราชการ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของใคร ก็ต้องดูแลพื้นนั้น แต่ในภาพรวม บช.น.จะดูแลสถานการณ์ทั้งหมด 

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า ประกาศฉบับที่ 9 มีการให้ห้ามให้มีการชุมนุมส่วนการชุมนุมทั่วประเทศ มีการประกาศมีการแจ้งเตือนก่อนเสมอ หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นต้องมีความจำเป็นบังคับใช้กฎหมายไม่ให้การชุมนุมกนะทบกับประชาชนคนอื่น

อย่างไรก็ตาม ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมเข้าปะทะกับเจ้าหน้าก็ต้องป้องกันตัวเองและรักษาความสงบเรียบร้อย กระทบกับประชาชนที่ใช้ชีวิตตามปกติ การปฏิบัติหน้าที่มีระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติหน้าที่โดยตลอด มีการดำเนินทั่วประเทศ 500 กว่าคดี การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้บังคับใช้กฎหมายทันที ไม่มีการสร้างความเดือดร้อน ออกหมายตับกุมตามหลัง หากมีการข้ามเส้นทำลายสิ่งของใช้ความรุนแรงกรือทำลายสิ่งของจะต้องเข้าระงับเหตุและจับกุมผู้กระทำผิดทันที อย่างไรก็ตาม กรณีการกระทำความผิดที่มีการสาดสีปลุกระดมมีการออกหมายจับของพื้นที้ที่บช.ตชด.ภาค 1 จำนวน 9 ราย ฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่