‘คลัง’ จ่อทบทวนเกณฑ์ ‘TISA’ แก้ปมบิดเบือนตลาด จูงใจออมยาว

‘คลัง’ จ่อทบทวนเกณฑ์ ‘TISA’ แก้ปมบิดเบือนตลาด จูงใจออมยาว

“คลัง” ทบทวนเกณฑ์ “TISA” ยันตัวคูณ 0.7 และ 1.3 เท่า และเกณฑ์รายได้ ยังเป็นตัวเลขสมมติ ย้ำหลักการจูงใจออมระยะยาว และมีความยืดหยุ่น กำหนดเพดานใหม่ รวมลดหย่อนลงทุนเป็น 8 แสน พร้อมกลไกให้ค้ำประกันหลักทรัพย์เพิ่มสภาพคล่อง คาดชงเข้า ครม.ภายใน ธ.ค. พร้อมเริ่มบังคับใช้ปีภาษี 69

วันที่ 11 ธ.ค.2568 ที่กระทรวงการคลัง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และการออม (เสาหลักที่ 4) ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลางที่ยังไม่มีหลักประกันหลังเกษียณ โดยหัวใจสำคัญคือการปรับโครงสร้างแรงจูงใจทางภาษีผ่านบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนระยะยาวรูปแบบใหม่ หรือ TISA

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาในอดีตที่มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนอย่างกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือแม้แต่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) ที่มักเป็นมาตรการชั่วคราวที่มีการเสนอต่ออายุทุก 3-5 ปี ซึ่งสร้างความไม่แน่นอน และทำให้เกิดการบิดเบือนตลาด

"ที่ผ่านมาเราให้แรงจูงใจผิดทาง การให้ลดหย่อนภาษีแบบชั่วคราวทำให้เกิดการบิดเบือน พอใกล้ครบกำหนด 5 ปี คนก็กลัวตลาดหุ้นพัง ต้องมาขอต่ออายุเรื่อยๆ กลายเป็นการบิดเบือนซ้ำซ้อน ผลลัพธ์คือ คนที่ซื้อกองทุนเหล่านี้ ขาดทุนกัน 25-30% เพราะเป็นการซื้อด้วยแรงจูงใจทางภาษี ไม่ใช่การลงทุนที่แท้จริง โดยรัฐเองก็สูญเสียรายได้ภาษีกว่า 4 หมื่นล้านบาท" นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ ระบุว่า จะมีการหารือเรื่องการให้แต้มต่อสำหรับการลงทุนตามเงื่อนไข อาทิ ลงทุนในกองทุน ESG หักลดหย่อนได้ 1.2 เท่า เบื้องต้นเรื่อง TISA  มีการหารือกันใน ครม. เศรษฐกิจ คือ การวางกรอบกว้างๆ ส่วนรายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ พร้อมรับฟัง และปรับปรุงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นธรรม ไม่ได้เจตนาจะทำให้ใครเสียประโยชน์ แต่ต้องการกระจายเม็ดเงินสู่คนตัวเล็กตัวน้อยให้มีแรงจูงใจในการออมมากขึ้น

ทั้งนี้หลักการสำคัญของ TISA จะเป็นมาตรการระยะยาวถาวร เพื่อให้ประชาชนวางแผนการออมได้ต่อเนื่อง โดยรวมวงเงินลดหย่อนภาษีทั้งหมดให้อยู่ภายใต้เพดาน 800,000 บาท ซึ่งครอบคลุมทั้งกองทุนรวม หุ้นไทย ประกันบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อความยืดหยุ่น

โดยจะมีการยกเลิกเงื่อนไขเดิมที่จำกัดการซื้อกองทุนไว้ที่ไม่เกิน 30% ของรายได้ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีวินัยการออมสามารถออมได้เต็มที่โดยไม่ติดข้อจำกัดของฐานเงินเดือน รวมทั้งการออกพันธบัตรออมพลัส เปิดให้ประชาชนทั่วไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชันให้ซื้อได้ทุกเดือน และขายคืนได้ตลอดเวลาเพื่อสภาพคล่อง นอกจากนี้ TISA ยังสามารถนำไปเป็นหลักประกันเพื่อเงินกู้ได้ 

"การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นจะแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาทางการเมือง แต่ต้องการวางรากฐานให้คนไทยมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เราไม่ได้เจตนาจะทำให้ใครเสียประโยชน์ แต่ต้องการกระจายโอกาสให้คนตัวเล็กตัวน้อย และหยุดวงจรการบิดเบือนในอดีต ผมพร้อมรับฟังทุกความเห็นเพื่อปรับปรุงรายละเอียดให้ดีที่สุด ก่อนนำเสนอเข้า ครม. ต่อไปภายในเดือนธ.ค. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ปีภาษี 2569" นายเอกนิติ กล่าว

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์