บทเรียน 'เมียนมา' กับความเชื่อมั่นประเทศ

บทเรียน 'เมียนมา' กับความเชื่อมั่นประเทศ

การกลับเข้าสู่รัฐบาลพลเรือนของเมียนมาตั้งแต่ปี 2553 จุดประกายเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเมียนมาอย่างมาก ภาพประเทศที่เคยหลับใหล ถูกคว่ำบาตร เปลี่ยนสู่ประเทศเนื้อหอมดึงนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดกลับเกิดรัฐประหารขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอนาคต

การรัฐประหารในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 อยู่ในการคาดหมายของหลายฝ่ายในช่วงที่ผ่านมา หลังจากพรรคเอ็นแอลดีของนางอองซาน ชนะการเลือกตั้ง 2 ครั้งติด และทำให้จัดตั้งรัฐบาลพลเรือนได้อีกครั้ง การรัฐประหารครั้งนี้ส่งผลให้ประเทศเมียนมากลับเข้าสู่การปกครองของทหารอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากรัฐบาลทหารมาเป็นรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งนำมาสู่การเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรต

การกลับเข้าสู่รัฐบาลพลเรือนในครั้งนี้จุดประกายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาอย่างมาก ซึ่งทำให้ประเทศที่เคยหลับใหลและถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตก ส่งผลให้เมียนมาที่มีจุดเด่นทั้งจำนวนทรัพยากรมหาศาลและตลาดในประเทศที่พร้อมเปิดรับเศรษฐกิจใหม่ จึงทำให้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้าไปในประเทศเมียนมาจำนวน ทำให้ประเทศเมียนมาอยู่ในสายตาชาวโลก ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจของประเทศเมียนมากลับมาคึกคักได้อย่างต่อเนื่อง

รัฐบาลพลเรือนของประเทศเมียนมาพยายามปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะการปรับแก้กฎหมายเพื่อเอื้ออำนวยต่อการลงทุนของนักธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งแม้จะต้องแก้ไขกฎหมายจำนวนมากและต้องใช้เวลานานในการปรับปรุงกฎหมาย แต่ก็ไม่ทำให้บริษัทต่างชาติละความพยายามที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมา จนเรียกได้ว่าประเทศเมียนมากลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญในอาเซียนในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ และดึงความสนใจจากเวียดนามที่เป็นไฮไลท์ก่อนหน้านั้น

161227052284

อ่านข่าว :   ทุนไทยผวา ‘เมียนมา’ ถูกคว่ำบาตร ธุรกิจหวั่น โดนยึดสัมปทาน!

ในอดีตที่ผ่านมาบริษัทไทยเข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมามีจำนวนไม่มาก แต่เมื่อมีการเปลี่ยนภายในประเทศเมียนมาได้ส่งผลให้มีนักธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจเข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมา ครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ยิ่งทำให้เมียนมาน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น การลงทุนของบริษัทเอกชนไทยในประเทศเมียนมาได้ผลตอบรับที่ดี และทำให้ผู้ประกอบการไทยหลายรายปักหลักลงทุนแบบถาวร

การรัฐประหารที่เกิดขึ้นล่าสุดจึงทำให้บริษัทไทยจับตามองสถานการณ์ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพราะยังมีความไม่แน่นอนจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ที่ประเมินสถานการณ์ได้ลำบากถึงการกำกับดูแลบริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมา ทั้งในด้านกฎหมายที่คณะรัฐประหารมีอำนาจในการกำหนด รวมถึงสัญญาสัมปทานที่ดำเนินการในช่วงรัฐบาลพลเรือน แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ