‘เดลต้า-แบม-คอมเซเว่น’ 3 ตัวเต็งเข้า SET50

ซึ่งขณะนี้ใกล้เข้ามาแล้วที่จะได้เห็นโฉมหน้าหุ้นชุดใหม่ ประจำงวดครึ่งแรกของปี 2564 ซึ่ง ตลท.จะประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2564

ถือเป็นอีกหนึ่งธีมการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะถ้าหากย้อนกลับไปดูสถิติในอดีตจะเห็นว่าหุ้นที่ได้รับการคัดเลือกมักปรับตัวได้ดี โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้นที่ถูกคัดเข้าดัชนี SET50 มักจะ Outperform ตลาด โดยเฉพาะในช่วง 1 เดือนก่อนวันบังคับใช้ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.8% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวก 73%

ส่วนหุ้นที่ถูกคัดเข้า SET100 ไม่ค่อยมีนัยสำคัญกับราคาหุ้นมากนัก โดยให้ผลตอบแทยเฉลี่ยเพียง 0.6% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกแค่ 51% เท่านั้น

จากการสำรวจของ Stock Gossip พบว่า รอบนี้บรรดากูรู ทั้งจากบล.โนมูระ พัฒนสิน, บล.ยูโอบี เคย์เฮียน และ บล.เอเซีย พลัส ใจตรงกัน โดยเลือกหุ้นที่คาดว่าจะได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบครึ่งแรกของปี 2564 มา 3 ตัว เหมือนกันเลย

ประกอบไปด้วย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7

ซึ่งแต่ละตัวมีสตอรี่ที่น่าสนใจ อย่าง DELTA เนื้อหอมสุดๆ ก่อนหน้านี้ พึ่งจะได้รับเลือกเข้าดัชนี MSCI Global Standard ไปหมาดๆ ขณะที่ภาพธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ได้เห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งผลประกอบการออกมาดีเกินคาด

หลังโควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องอยู่บ้านกันมากขึ้น หนุนการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้สินค้าในกลุ่ม “คลาวด์ คอมพิวติ้ง” และ “ดาต้า เซ็นเตอร์” ขายดิบขายดี ช่วยจุดพลุราคาหุ้น DELTA พุ่งติดจรวด

นอกจากนี้ ยังจะได้รับอานิสงส์จากการมาของเทคโนโลยี 5จี และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลให้การสนับสนุน โดยบริษัทได้รับประโยชน์จากการทำสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งดูแล้วแต่ละกลุ่มธุรกิจของ DELTA กำลังอินเทรนด์สุดๆ เข้ากับโลกยุคใหม่

ส่วน BAM ชื่อชั้นก็ไม่ธรรมดา แม้จะโลดแล่นในตลาดหุ้นมาได้แค่เกือบ 1 ปี แต่มากไปด้วยประสบการณ์ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ช่ำชองในธุรกิจ ถือเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งจะได้รับประโยชน์ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากจะมีหนี้เสียด้อยคุณภาพราคาถูกให้ช้อปเข้าพอร์ตจำนวนมาก 

นอกจากนี้ บริษัทไม่อยู่นิ่งเตรียมแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มรายได้ ทั้งการร่วมทุนกับแบงก์เพื่อช่วยกันบริหารจัดการหนี้ โดยให้แบงก์ที่เป็นพันธมิตรขายหนี้เสียมาให้บริษัทร่วมทุนเป็นผู้บริหารจัดการ หากมีกำไรนำมาแบ่งกัน รวมทั้ง การจับมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันพัฒนาโครงการ เพราะบริษัทมีที่ดินเปล่าอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก

ด้าน COM7 เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ราคาฟื้นแรง หลังการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยขยับขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีที่ 13.70 บาท มาแตะ 40 บาท ได้อีกครั้ง โดยไปทำออลไทม์ไฮที่ 44 บาท สแกนดูผลประกอบการดีเกินคาดต่อเนื่องมา 2 ไตรมาสติด อย่างช่วงไตรมาส 2 ที่โควิด-19 ยังระบาดหนักๆ แม้จะต้องปิดหน้าร้านไปไม่น้อย แต่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ยังขายดี เพราะคนต้องอยู่บ้านทำงานที่บ้านกันมากขึ้น

ขณะที่ครึ่งปีหลังได้รับประโยชน์จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ของบรรดาค่ายไอทีชั้นนำต่างๆ โดยเฉพาะ “แอปเปิ้ล” ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของประเทศไทย พึ่งจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด “ไอโฟน12” ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย เนื่องจากเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่รองรับการใช้งานเทคโนโลยี 5จี โดยจะเริ่มวางขายในบ้านเราสิ้นเดือนนี้

และยิ่งมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐอย่าง “ช้อปดีมีคืน” ยิ่งน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายขึ้นไปอีก เพราะบรรดาขาช้อปสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการมูลค่าไม่เกิน 30,000 บาท มาขอลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2563 หนุนบรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่คึกคักขึ้น

ทั้งนี้ การได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 จะช่วยเติมเสน่ห์เพิ่มความน่าสนใจให้กับราคาหุ้น ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งบรรดากองทุนที่มีนโยบายลงทุนล้อไปกับดันชี SET50 และ SET100