นานมีบุ๊คส์ร่ายมนต์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ 5 ทัชพอยท์..! ปลุกหนังสือมีชีวิต

อัตราการอ่านหนังสือเป็นเล่มลดลงไปเรื่อยๆ อุตสาหกรรมหนังสือก็ค่อยๆลดน้อยถดถอยสำนักพิมพ์และร้านหนังสือจึงทยอยปิดตัว

ทว่าย้อนกลับไป 20 ปีที่ผ่านมา (2543) เป็นปีแรกที่หนังสือเรื่องราวพ่อมดน้อย “แฮร์รี่พอตเตอร์” ฉบับภาษาไทยเปิดตัวในเมืองไทยครั้งนั้นทำให้เกิดกระแสเยาวชนไทยหันมารักการอ่านขยายวงไปถึงกลุ่มนักศึกษาหรือวัยทำงาน

ปราการณ์การบูมพ่อมดน้อย “แฮร์รี่พอตเตอร์” ยังกลายเป็นแรงส่งให้สำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊คส์” คว้าลิขสิทธิ์หนังสือดังกล่าวมาจัดพิมพ์ในไทยออกหนังสือ 7 เวอร์ชั่นและมียอดพิมพ์ไปแล้วกว่า 6 แสนเล่มต่อยอดแบรนด์ “แฮร์รี่พอตเตอร์” เป็นสินค้ากว่า 125 รายการ (Items)

คิม จงสถิตย์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ทายาทรุ่น 3 เล่าถึงปรากฎการณ์แฮร์รี่พอตเตอร์ในยุค 20 ปีที่ผ่านมา ว่าเป็นยุคที่สื่อดิจิทัลและออนไลน์ยังไม่ทรงอิทธิพลเหมือนปัจจุบัน การอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เยาวชนไทยจำนวนมากหันกลับมาอ่านหนังสือทุกครั้งที่มีการเปิดตัว สร้างปรากฎการณ์ยอดจองหนังสือถล่มทลาย ไปรอคิววันที่หนังสือเปิดตัว มีการจัดอีเวนท์ในเวลาเที่ยงคืนในการเปิดตัวภาคที่ 7 สร้างปรากฎการณ์สาวกแฟนคลับพ่อมดน้อยที่คลั่งไคล้หนังสือไปรวมตัวต่อคิวรับหนังสือที่เปิดตัวใหม่กว่า 1 แสนคน

แม้เรื่องราวของพ่อมดน้อยจะอวสานไปแล้วรวมทั้งหมด 8 เล่มแต่ในด้านของการต่อยอดแบรนด์ “แฮร์รี่พอตเตอร์” นานมีบุ๊คส์ยังต่อลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง มีการสปินธุรกิจเป็นหลากหลายเวอร์ชั่น อาทิ จัดทำหนังสืออ้างอิงเรื่องราวในดินแดนพ่อมดและแม่มด เช่น ควิดดิช (Quidditch) กีฬาสุดฮิตในโลกเวทมนต์การละเล่นไม้กวาดสมัยโบราณ, สัตว์มหัศจรรย์, ผลงานศิลปะนิทานบีเดิลยอดกวี เรื่องราวนิทาน์ในโลกเวทมนต์ จัดนิทรรศการ และแฮร์รี่พอตเตอร์สร้างแรงบันดาลใจ (Harry Potter InspiredX) เชื่อมโยงคาถากับข้อคิดและบทเรียนชีวิต เช่น คาถาปลุกพลังชีวิตลดการเป็นโลกซึมเศร้า ตลอดจนการเรียนภาษาอังกฤษผ่านแฮร์รี่พอตเตอร์

ล่าสุดปีนี้ครบรอบ 20 ปีของ “แฮร์รี่พอตเตอร์” ฉบับภาษาไทยจะเพิ่มหนังสือเก็บสะสมแฮร์รี่พอตเตอร์เวอร์ชั่นที่ 8 โดยเปลี่ยนปกที่ออกแบบโดยคนไทยนามปากกา “Apolar” (อรุษเอ่งฉ้วน) แทนการเสียลิขสิทธิ์ให้กับปกต่างประเทศ ที่จะช่วยให้เกิดการต่อยอดไปได้หลากหลาย และต้องการให้โอกาสนักวาดรูปหนุ่มไทยผู้ที่จบวาดภาพวรรณกรรมเพราะได้รับแรงบาลใจจากแฮร์รี่พอตเตอร์

โดยเวอร์ชั่นล่าสุดปกที่วาดโดยคนไทยมี 2 ชุด (Box set) ประกอบด้วยปกแข็งราคา 4,650 บาท แถมฟรีโปสการ์ดยักษ์ 8 ลายพิเศษ สั่งจองรับฟรี Mini-Die-Cutting Cover Showcase แบบ Limited Edition และปกอ่อน 7 เล่มมูลค่า 3,875 บาท แถมฟรีชุดโปสการ์ด 7 ใบพิเศษ สั่งจองรับฟรีที่คั่นหนังสือเวทมนต์ ตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายในช่วงที่มีการเปิดจอง (Pre-Order) และโปรโมชั่นรวมถึงงานสัปดาห์หนังสือ 25 มี.ค.-5 เม.ย. 63 รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 เล่ม

ทายาทรุ่นที่ 3 นานมีบุ๊คส์ยอมรับว่าในยุคปัจจุบันอัตราการอ่านหนังสือชะลอตัว การสร้างปรากฎการณ์คลั่งไคล้แฮร์รี่จนเป็นกระแสอย่างที่ผ่านมาไม่ง่าย เพราะมีสื่อและช่องทางการเสพสื่อที่หลากหลายช่องทาง จึงมีกลยุทธ์ในการสร้างจุดเชื่อมต่อ (Touch Point) เพื่อสร้างประสบการณ์ให้คนเข้าสัมผัสกับความเป็นแฮร์รี่ตามช่องทางที่หลากหลายและแตกต่างให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ฐานเยาวชนอายุ 10 ปีขึ้นไป เพื่อรักการอ่านและเติบโตพร้อมกันกับหนังสือและฐานแฟนคลับเก่าที่ปัจจุบันอาจจะอายุประมาณ 30 ปีต้นๆ ที่ต้องการสะสมหนังสือ

“ไม่คาดหวังให้เกิดปรากฎการณ์บูมเหมือนในอดีตแต่จะมีช่องทางที่หลากหลายจุด Touch Point ให้สร้างประสบการณ์ให้ผู้อ่านเข้าถึงแฮร์รี่พอตเตอร์” ในไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

สำหรับช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามี 5 ช่องทางประกอบด้วย 1.งานเปิดตัวหนังสือ 2.งาน Book Fair ตามห้างสรรพสินค้า 3.ร้านหนังสือ 4.โรงแรม Rain Tree Residence ที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ5.งานสัปดาห์หนังสือ (Book Fair) ที่อิมแพคเมืองทองธานี

นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่านแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ คนทั่วไป จัดกิจกรรม Back to Magical World 1.ให้ตอบปัญหาออนไลน์ เพื่อลุ้นรับของรางวัลและยังได้เป็นสมาชิกนานมีบุ๊คส์ ซึ่งจะได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์ 2.เมื่อซื้อหนังสือในร้านค้าที่ร่วมรายการ จะได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของพรีเมี่ยมไอเทมส์ 3.กิจกรรมประกวดเรียงความผู้ชนะเลิศได้รับการแต่งตั้งเป็นภาคีฟินิกส์รับของรางวัล ส่วนกลุ่มโรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน (Back to Magical School) 1.จัดมุมหนังสือแฮร์รี่พอตเตอร์ในโรงเรียน และ2.ทอล์กโชว์สร้างพลังบวกสร้างตัวตนด้วยการอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ การส่งเสริมให้เกิดการรักการอ่านเป็นทางอ้อมของการเปิดตัวกระตุ้นธุรกิจหนังสือให้เติบโต

“ต้องช่วยกันส่งเสริมไม่ให้ประเทศไปสู่ภาวะวิกฤติการอ่าน เพราะการอ่านเป็นการสะท้อนถึงความมีอารยธรรม จึงต้องแก้ไขโดยการส่งเสริมการอ่านตั้งแต่ยังเด็ก โดยใช้แฮร์รี่ฯเป็นเครื่องมือทำให้ปลุกกระแสคนไทยหันมารักการอ่าน”

ปัจจุบันนานมีบุ๊คส์ผลิตหนังสืออกมาปีละ 400 ปกในหลากหลายกลุ่มผู้อ่าน ซึ่งภาพรวมการขายหนังสืออยู่ในภาวะทรงตัวแต่มีบางเซ็คเม้นท์ที่มีการเติบโต 20-30% อาทิกลุ่มการเสริมพัฒนาการเยาวชน เพราะเกิดเทรนด์ผู้ปกครองอ่านหนังสือ เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมพัฒนาการ และกลุ่มผู้สูงวัยเนื่องจากกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) จึงเกิดการตื่นตัวเตรียมพร้อมในการดูแลตัวเองและดูแลผู้สูงวัย