'ธนาธร' ขอบคุณ 244 เสียง ลั่น 'เราไม่แพ้แต่ถูกปล้นชัยชนะ'

'ธนาธร' ขอบคุณ 244 เสียง ลั่น 'เราไม่แพ้แต่ถูกปล้นชัยชนะ'

"ธนาธร" ขอบคุณ 244 เสียง ลั่นยังไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของฝ่ายประชาธิปไตยแต่โดนปล้นชัยชนะ - ลั่นไม่ใช่จุดจบ แค่จุดเริ่มต้น ลุยทำงานหนักพิสูจน์กับประชาชน

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.62 ภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งมีบุคคลที่ถูกเสนอต่อที่ประชุม จำนวน 2 คน คือ พรรคพลังประชารัฐ เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ฐานะตัวแทน 7 พรรคร่วมฝั่งของพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ก่อนอื่นขอโทษพ่อแม่พี่น้องที่เราทำไม่สำเร็จ การหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช.ไม่อาจทำได้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้เราไม่ได้พ่ายแพ้ หากแต่เป็นเพราะว่าชัยชนะของเราถูกปล้นไป เมื่อวาน ตนมีความหวังเล็กๆ ว่า พรรค ปชป. และ ภท.จะตัดสินใจถูกต้อง แต่เมื่อวานเย็นก็พอทราบว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เราทั้ง 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้สู้จนถึงที่สุด จนถึงวินาทีสุดท้าย สู้จนถึงยกสุดท้าย เราทำตามที่หาเสียงไว้ ไม่ได้ยอมแพ้ เราสู้ถึงที่สุดภายใต้กรอบกติกาที่ระบอบรัฐประหารวางไว้ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเพียงสมรภูมิหนึ่งในการเดินทางที่ยาวไกลที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตย เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ท้ายที่สุดจะเป็นวันของเรา เผด็จการจะต้านสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง สายลมแห่งประชาธิปไตยไม่ได้ ประชาชนจะร่ำร้องหาเสรีภาพ ประชาชนจะร่ำร้องหาความเป็นธรรม วันนี้การหยุดยั้งประชาธิปไตย ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาต้องใช้ต้นทุนการเงิน สังคม การเมืองมากน้อยเพียงใด และเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ต้นทุนเหล่านี้มีแต่จะหดแห้ง

1_9

"ดังนั้น พี่น้องที่รักประชาธิปไตยอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ความหวังยังอยู่กับเรา เดินหน้าต่อไป เราอยากชวนมารณรงค์อย่างแข็งขัน มาสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ และประชาชนจะเห็นเอง ประชาชนจะเป็นสักขีพยานในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรม อย่างแหลมคม เราจะเดินหน้าอย่างแข็งขัน และเขาจะเห็นและตัดสินใจเอง วันนี้อยากขอบคุณแกนนำพรรคฝ่ายประชาธิปไตยทั้ง 7 พรรคที่ส่งชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมอยากขอบคุณเพื่อนที่รักประชาธิปไตยทั้ง 244 คนที่กล่าวขานชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี ขอบคุณแรงใจจากพี่น้องประชาชนทุกภูมิภาคที่เราไปพบเจอ และเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แสดงให้เห็นชัดว่า เราคนที่ที่รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย ยังทำงานหนักไม่พอ แสดงให้เราเห็นว่า เราทำงานเดินหน้าน้อยกว่านี้ไม่ได้ มีแต่จะต้องทำงานให้หนักขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ แสดงให้เห็นว่า ถ้าเราไม่สู้หนักกว่านี้ ลูกหลานเราที่โตมาจะต้องอยู่ในสังคมที่ไม่เป็นธรรม ไม่มีเสรีภาพ ดังนั้น มาทำงานร่วมกัน อย่าส่งต่อสังคมแบบนี้ให้คนรุ่นต่อไป ดังนั้นอย่าเพิ่งหมดหวัง" นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวต่อว่า จากนี้พรรคอนาคตใหม่จะแบ่งการทำงานจากนี้ 3 ส่วน คือ 1 ส.ส.ที่อยู่ในสภาจะทำงานในฐานะฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล นำเสนอปัญหาของพ่อแม่พี่น้อง ผลักดันเสนอกฎหมายที่ก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ 2. การเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น และ 3.การรณรงค์สร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ทำให้พรรคอนาคตใหม่เป็นสถาบันที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อคุณภาพประชาชนที่ดีขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้ คดีความต่างๆ ยืนยันหลายครั้งว่าเรามีความมั่นใจ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนยืนยันว่าจะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ต่อไป ตอนนี้ตนยังเป็น ส.ส.อยู่ ถ้าอยู่ในสภาก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ถ้าไม่ได้เข้าก็ยังมีพื้นที่ทางการเมืองอีกเยอะ ยังมีเพื่อน ส.ส. ในสภา ที่ตนจะไปรับฟังปัญหาแล้วนำมาส่งต่อให้เพื่อนใ สภาดำเนินการต่อ ในประเด็นที่เป็นประโยชน์ ร่วมผลักดันประชาธิปไตยด้วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ก้าวหน้ากว่านี้ในรัฐบาลชุดต่อไป อาจมีการแก้รายมาตรา เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าได้ทำแล้ว เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอด เชื่อว่าเขาคงไม่แก้ที่มา 250 ส.ว. แต่อาจแก้กฎกติกาเกี่ยวกับเลือกตั้ง อาจจะมีบ้าง แต่ถ้าล้มคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติไม่มีแน่นอน ตนขอยืนยันวันนี้เราไม่ได้แพ้ แต่กติกาแบบนี้ เราถูกปล้นชัยชนะไป ไม่คิดว่าจะมีแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างก้าวหน้า ส่วนที่ถามว่าอะไรที่บอกว่าเป็นชัยชนะที่ถูกปล้นไป ก็ตั้งแต่เรื่องกฎกติกาการเลือกตั้ง การเลือกตั้งที่ผิดปกติหลายเขต สูตรการคำนวณที่ผิดปกติ การใช้ ส.ว. บิดเบือนการต่อรองร่วมรัฐบาล เห็นได้ชัดว่า ความพยายามในการสืบทอดอำนาจ คสช. ดำเนินไปอย่างแข็งขัง คนที่มีอำนาจในปัจจุบันไม่ยอมจะถอยอำนาจออกมา