‘โรงไฟฟ้า-วิถีชีวิต’คนเทพา ต้องพัฒนาควบคู่กัน

‘โรงไฟฟ้า-วิถีชีวิต’คนเทพา ต้องพัฒนาควบคู่กัน

หากไม่นับรวม อำเภอเทพา ของจ.สงขลา เป็น 1 ใน 5 อำเภอ ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

นักอ่านหลายท่านคนน่าจะคุ้นเคยกับฉากหลังชวนฝันของหนังสือ "ผีเสื้อและดอกไม้" ของมกุฏ อรฤดี และเวอร์ชันภาพยนตร์ของยุทธนา มุกดาสนิท เมื่อปี 2528 ที่นำเสนอเรื่องราวของเมืองเล็กๆ สถานีรถไฟ และเรื่องราวของฮูยัน 

เรือประมงขนาดกลางได้ล่องไปตามลำน้ำเทพา พาทีมสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางกับสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม เพื่อชมความเป็นไปของเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ อ.เทพา ที่ยังสามารถพบเห็นวิถีชาวน้ำท้องถิ่นได้ตลอด 2 ฟากน้ำ พืชน้ำกร่อย พันธุ์ไม้ชายเลน รวมทั้งฝูงนกประจำถิ่น ยังสามารถหาชมได้ แม้จะอยู่ในยุคที่ความรุ่งเรืองของเมืองและสังคมจะคืบคลานเข้ามาทุกขณะก็ตาม

 ผู้นำทางประจำเรืออธิบายถึงสีขุ่นของแม่น้ำ เป็นการบ่งบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรจะดำเนินการประกอบอาชีพหาสัตว์น้ำประเภทใด หรือน้ำที่ใสขึ้นควรจะจับอะไร ขบวนเรือเยี่ยมชมลอยเอื่อยจนมาถึงสะพานเหล็ก ที่เรียกกันเล่นๆว่า สะพานข้ามแม่น้ำเทพา ตั้งตระหง่านตัดกับธรรมชาติโดยรอบ ซึ่งยังนึกไม่ออกว่า หากการพัฒนาที่เกินขอบเขตอย่างหาดใหญ่ มาเกิดขึ้นในพื้นที่เทพา ความวุ่นวายจะมีมากขนาดไหน รวมไปถึงพื้นที่ที่ศาสนาอิสลามเข้มแข็ง และยึดโยงผู้คนให้อยู่และผูกพันกับแผ่นดินแห่งนี้ 

0 พื้นที่นี้ยังมีมิติศาสนา 

นายดิเรก  เหมนคร  ผู้ประสานเครือข่ายคนชายแดนใต้ แกนนำคนสำคัญในการคัดค้านโรงไฟฟ้าฯ เริ่มต้นการสนทนาว่า เราพยายามที่จะบอกรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ผล ที่สำคัญอยากให้คนมีอำนาจ อย่าไปติดหล่มมองเพียงมิติพลังงาน โรงไฟฟ้า เพียงด้านเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงความเป็นจริงที่มีมิติทางศาสนาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ 

ด้วยเหตุที่ว่าพื้นที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานั้น ทับซ้อนทั้งมัสยิด กุโบร์ (สถานที่ฝังศพตามหลักศาสนาอิสลาม) รวมทั้งยังมีโรงเรียนปอเนาะ ที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านที่ถูกเส้นโครงการพาดผ่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านร่วมใจกันสนับสนุนเงินซื้อที่ดินเพื่อสร้างเป็นโรงเรียนให้ความรู้กับเยาวชน ลูกหลานในพื้นที่ ที่ในไม่ช้าจะถูกกลืนไป โดยมีการพัฒนาเข้ามาแทนที่ และศาสนสถานทางศาสนาพุทธ ก็ยังมีวัดอยู่ในแนวก่อสร้างอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งแม้จะไม่ถูกรื้อย้าย แต่จะถูกล้อมเข้าไปเป็นเสมือนวัดในโรงไฟฟ้า  

ยังไม่รวมพื้นที่ป่าชายเลนร่วม 2 หมื่นไร่ ที่อยู่ถัดจากบ่อเก็บกากแร่ถ่านหินไม่ไกลกันนักที่จะถูกสร้างในอนาคต

“หากมีปัญหาในเรื่องมิติศาสนาขึ้นในพื้นที่ แม้จะมีโรงไฟฟ้า มีพลังงานได้ใช้ แต่ไร้ความมั่นคง มันก็อยู่ไม่ได้ หาดใหญ่คือศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง แต่ก็ยังมีการถูกโจมตีอยู่บ่อยครั้ง แล้วคำถามคือจะรักษาหาดใหญ่ไว้ได้ไหม ภาคใต้โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดน เราเจ็บปวดมามากแล้ว จึงพยายามที่จะบอกรัฐบาลว่าประเด็นเรื่องปอเนาะจีฮาด ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่คนในพื้นที่แสดงพลังให้ได้เห็นว่า เราจะไม่ยอม ”

0 กฝผ.ลงพื้นที่เดินหน้าตามแผน

ในขณะเดียวกันกับทีมสื่อมวลชนที่ลงไปในพื้นที่ คณะกรรมการ กฟผ. ผู้ว่าการและคณะผู้บริหาร กฟผ. ก็ลงพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำชุมชน โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และยืนยันว่าทั้งโรงไฟฟ้าและท้องถิ่นจะต้องพัฒนาควบคู่กันไป

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ กฟผ.กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินสงขลา เป็นโครงการตามแผน PDP 2015 ที่จะจ่ายไฟฟ้าในปี 2564 และ 2567 เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งในภาพรวมของประเทศจะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงในระยะยาว และรักษาระดับราคาค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม ที่สำคัญจะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่สร้างความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี 

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานจะต้องรับฟังความคิดเห็นและปัญหาของชุมชน และจะต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสังคม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งในฐานะประธานกรรมการ กฟผ. พร้อมจะติดตาม ดูแลในเรื่องนี้ และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่โครงการฯ โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากที่สุด

 สำหรับการติดตามผลการดำเนินงานผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. รองรับในช่วงการหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติของแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18)ระหว่างวันที่20-31 ส.ค.2559 พบว่าแผนงานด้านการผลิตไฟฟ้า ระบบส่งและเชื้อเพลิง สามารถรองรับสถานการณ์ได้ตามที่ได้วางแผนไว้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ทุกฝ่ายทั้ง กระทรวงพลังงาน กฟผ. และ ปตท. ก็ต้องไม่ประมาท จะต้องมีการเตรียมแผนสำรองกรณีฉุกเฉินไว้ทุกครั้ง เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้า

0 ชูโรงไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยว?

ด้านนายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าเทพา ได้ดำเนินการตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ฉบับปี พ.ศ. 2558-2579 (PDP 2015) เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและในพื้นที่ภาคใต้ ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาโครงการของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) 

ทั้งนี้ กฟผ. ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเทพาทุกขั้นตอนให้มีผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ตามที่ระบุไว้ในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. ได้นำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเชิงพาณิชย์มาใช้ ทำให้สามารถควบคุมมลภาวะได้ดีในระดับสากล และดีกว่ามาตรฐานที่ประเทศไทยกำหนด เพื่อให้โรงไฟฟ้าเทพาเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียว เป็นโรงไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยว และให้อำเภอเทพาเป็นเมืองพักไม่ใช่เมืองผ่านอีกต่อไป