'ซัวเรซ'ฟิตยิงสิงโตคำราม โคลอมเบียลุ้นชนะรวด

'ซัวเรซ'ฟิตยิงสิงโตคำราม โคลอมเบียลุ้นชนะรวด

ศึกบอลโลกคืนนี้ 'ซัวเรซ'ฟิตยิงสิงโตคำราม โคลอมเบียลุ้นชนะรวด

หลุยส์ ซัวเรซ ลั่นพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ลงยืนหัวหอก "จอมโหด" อุรุกวัย ปะทะ 5 นักเตะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ในเกมชี้ชะตาวันที่ 19 มิ.ย. ทีมใดแพ้มีสิทธิ์กลับบ้านทันที ขณะที่ โคลอมเบีย มั่นใจเอาชนะ ไอวอรีโคสต์ เก็บชัยชนะนัดที่ 2

ศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล นัดวันที่ 19 มิ.ย. ในเกมรอบแรกนัดที่ 2 ของกลุ่ม ซี ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล กรุงบราซิเลีย เวลา 23.00 น. โคลอมเบีย จะพบกับ "ช้างดำ" ไอวอรีโคสต์ หลังจากที่ทั้งสองทีมได้ชัยชนะในนัดแรกมาด้วยกันทั้งคู่ โคลอมเบีย ถล่ม กรีซ มา 3-0 ขณะที่ ไอวอรีโคสต์ แซงชนะ ญี่ปุ่น 2-1

โคลอมเบียของกุนซือ โฮเซ เปเกอร์มัน ชาวอาร์เจนไตน์ กำลังมั่นใจว่าจะเก็บชัยชนะเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากมองว่ามีเกมรุกที่ดีกว่า โดยจะยังมีทีเด็ดที่ 2 กองกลางอย่าง ฮวน กัวดราโด ของฟิออเรนตินา และเจมส์ โรดริเกซ จากโมนาโก ซึ่งในเกมที่ชนะกรีซ ทั้งคู่ถือว่ามีโอกาสลุ้นทำประตูมากที่สุดในทีม และกัวดราโด เอง ก็เป็นคนผ่านให้เพื่อนทำประตูได้ถึง 2 ประตูด้วยกัน เกมรับในระบบ 4-4-2 ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง คริสเตียน ซาปาตา จะยังยืนคู่กับตัวเก๋าอย่าง มาริโอ เยเปส

ขณะที่แนวรุกอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ทีโอฟีโล กูเตียร์เรซ ยังคงเป็นตัวยืน หลังจากที่ได้เล่นคู่กับ บิคตอร์ อิบาร์โบ กองหน้าจากกายารี ในนัดแรก เกมนี้ยังมีตัวเลือกกองหน้าชั้นดีอีกทั้ง คาร์ลอส บัคกา ของเซบีญา, อาเดรียน รามอส ของแฮร์ธา เบอร์ลิน และแจ็คสัน มาร์ติเนซ ของปอร์โต

ฝั่งไอวอรีโคสต์ อาจจะยังต้องลุ้นกับอาการป่วยของ โคโล ตูเร แต่ไม่น่าจะมีผลอะไรมาก การเล่นในระบบ 4-3-3 คู่เซ็นเตอร์แบ็กยังน่าจะเป็น โซล บัมบา กับ ดิดิเยร์ โซโกลา เหมือนเดิม ขณะที่แดนกลาง เชเรย์ ดิเย จะเล่นเป็นกองกลางตัวรับร่วมกับ ชีค ติโอเต และยายา ตูเร เป็นกองกลางตัวรุกทำเกมให้ 3 กองหน้าอย่าง แชร์วินโญ, ซาโลมง คาลู และวิลเฟรด โบนี ส่วน ดิดิเยร์ ดร็อกบา จะเป็นทีเด็ดที่ม้านั่งสำรองเหมือนเดิม

เกมคู่เอกในเวลา 02.00 น. "จอมโหด" อุรุกวัย จะลงเล่นเกมรอบแรกนัดที่ 2 กลุ่ม ดี กับ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่สนามอารีนา โคริสเธียนส์ เมืองเซาเปาโล หลังจากที่เกมแรกแพ้มาด้วยกันทั้งคู่ เกมนี้หากทีมใดแพ้ มีโอกาสตกรอบแรกกลับบ้านทันที โดย ออสการ์ ตาบาเรซ กุนซืออุรุกวัย ที่พลิกล็อกแพ้ คอสตาริกา มา 1-3 จะส่ง หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่งลงสนามเป็นตัวจริงค่อนข้างแน่ เพราะเกมนี้ต้องการชัยชนะเพียงอย่างเดียวเพื่อลุ้นเข้ารอบ ขณะที่ตัวของซัวเรซ ออกมายืนยันว่าตัวเองฟิตเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตาบาเรซ ยังมีปัญหาเรื่องเกมรับที่นัดแรกแนวรับ 4 คนไม่สามารถหยุดเกมรุกของคอสตาริกา ได้ เกมนี้จึงอาจจะปรับระบบมาเล่นเป็น 3-5-2 นอกจาก ดิเอโก โกดิน กับ ดิเอโก ลูกาโน แล้ว อาจจะเพิ่ม เซบาสเตียน ควาเตส ของลิเวอร์พูล หรือ โฮเซ คิเมเรซ ของแอตเลติโก มาดริด ลงมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กอีกคน ขณะที่วิงแบ็กขวาที่จะไม่มี มักซี เปรไรรา ที่ติดโทษแบนใบแดง จะเป็น ฮอร์เก ฟูชิเล จากเอฟซี ปอร์โต ที่ได้ลงเล่นแทน

แดนกลาง วอลเตอร์ การ์กาโน กับ เอจิดิโอ ริออส ยังคงทำหน้าที่เป็นกองกลางตัวรับ และคริสเตียน สตูอานี จะเป็นตัวรุกสนับสนุนคู่กองหน้าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ และเอดิสัน คาวานี แต่หากยังเล่นในระบบ 4-4-2 เหมือนนัดแรก จะมีการเปลี่ยนแปลง 2 จุดจากเกมนัดแรกคือ ฟูชิเล ลงมาเป็นแบ็กขวา และซัวเรซ ลงมาแทนที่ ดิเอโก ฟอร์ลัน

ขณะที่อังกฤษ ของกุนซือ รอย ฮอดจ์สัน ที่แพ้ อิตาลี มา 1-2 มีข่าวดีหลังจาก อเลกซ์ แชมเบอร์เลน กับ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ กลับมาซ้อมได้อย่างเต็มที่ และไม่มีสัญญาณการบาดเจ็บให้เห็นแล้ว ทำให้ทั้งคู่จะพร้อมลงสนามในเกมนี้อย่างแน่นอน

ในส่วนของแท็กติกเชื่อว่า ฮอดจ์สัน จะไม่มีการปรับทีมมากนัก เมื่อมองว่าเกมที่แพ้ อิตาลี ลูกทีมเล่นกันได้ดี และมีโอกาสที่จะใช้นักเตะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงสนามพร้อมกัน 5 คนต่อเนื่องต่อไป แนวรับหากจะมีการเปลี่ยนแปลงน่าจะเป็นเพียงตำแหน่งเดียวคือแบ็กขวาที่อาจจะให้ แชมเบอร์เลน ลงมาแทน เกลน จอห์นสัน แต่ก็ถือว่ามีโอกาสน้อย

แดนกลาง สตีเวน เจอร์ราร์ด กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะปักหลักเป็นมิดฟิลด์คู่กลาง เวย์น รูนีย์, ราฮีม สเตอร์ลิง และแดนนี เวลเบ็ค จะเล่นเป็นตัวรุก และดาเนียล สเตอร์ริดจ์ จะเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งการวางเกม รูนีย์ ยังน่าจะเล่นทางฝั่งซ้ายต่อไป เพราะฮอดจ์สัน ต้องการเปิดบอลรวมทั้งการลากตัดจากริมเส้นเข้ามายิงที่หน้ากรอบเขตโทษ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีมมีดังนี้

อุรุกวัย (4-4-2) ผู้รักษาประตู - เฟอร์นันโด มุสเลรา, กองหลัง - ฮอร์เก ฟูชิเล, ดิเอโก โกดิน, ดิเอโก ลูกาโน, มาร์ติน คาเซเรส, กองกลาง - วอลเตอร์ การ์กาโน, เอจิดิโอ ริออส, คริสเตียน โรดริเกซ, คริสเตียน สตูอานี, กองหน้า - หลุยส์ ซัวเรซ, เอดิสัน คาวานี

อังกฤษ (4-2-3-1) ผู้รักษาประตู - โจ ฮาร์ท, กองหลัง - เกลน จอห์นสัน, ฟิล จากีลกา, แกรี เคฮิลล์, เลย์ตัน เบนส์, กองกลาง - สตีเวน เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ราฮีม สเตอร์ลิง, อดัม ลัลลานา, เวย์น รูนีย์, กองหน้า - ดาเนียล สเตอร์ริดจ์

เกมสุดท้ายในเวลา 05.00 น. เป็นเกมในกลุ่ม ซี "ซามูไร" ญี่ปุ่น จะพบ กรีซ ที่สนามเอสตาดิโอ ดาส ดูนาส เมืองนาทัล โดยทั้งสองทีมต่างก็แพ้กันมาทั้งคู่ ทำให้ ญี่ปุ่น ที่ยังจะเล่นในระบบ 4-3-2-1 อาจจะมีการปรับเกม 2 ตำแหน่ง แดนกลางกุนซือ อัลแบร์โต ซัคเคโรนี อาจจะให้ ยาสึฮิโตะ เอนโดะ ลงมาแทนที่ มาโคโตะ ฮาเซเบะ กัปตันทีมที่ฟอร์มไม่ดี และแนวรุกมีโอกาสจะส่งตัวเก๋าอย่าง ยาสึฮิโต โอคุโบะ ดาวซัลโวเจลีก ลงมาแทน ยูยะ โอซาโก

ขณะที่กรีซ ของกุนซือ เฟอร์นันโด ซานโตส คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่งแนวรับ จอร์จอส ซาเวลลาส น่าจะลงมาแทน โฮเซ โฮลิบาส และเกมรุก ยอนนิส เฟตฟัตซิดิส กับ คอสตาส มิโทรกลู จะลงมาแทนที่ ธีโอฟานิส เกคาส กับ ดิมิทริส ซัลปันจิดิส