‘ปั้นลม’ คาเฟ่เล็กแต่ไม่ลับใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT บางขุนนนท์
‘ปั้นลม’ คาเฟ่น้องใหม่ย่านบางขุนนนท์ ชวนชิมขนมพายสไตล์ออสซี่ฝรั่งฝีมือลูกชาย อาหารไทยชาวสวนสูตรคุณแม่ ชมเรือนโบราณของคุณตาที่ยกมาจากอยุธยา สัมผัสบรรยากาศร่วมสมัยในคาเฟ่เล็กๆ ที่มากด้วยความอบอุ่น
ได้ยินว่ามีคาเฟ่เปิดใหม่ในเรือนไทย ใจแล่นไปทันที การเดินทางไป ปั้นลม สะดวกมาก เดินทางโดย รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน มาลงที่สถานีบางขุนนนท์ ทางฝั่งซอยจรัญสนิทวงศ์เลขคี่
สังเกตปากซอย มีร้านอาหารกินกันจัง เดินตรงมาจนเห็นประตูบ้านสีน้ำตาลก็จะพบร้าน ปั้นลม ถ้าขับรถมา จอดรถได้ที่ด้านหน้าตรงลานจอดรถเล็กๆ
ที่เก๋ไปกว่านั้น คือ สามารถนั่งรถไฟจากสถานีธนบุรีมาลงสถานีจรัญสนิทวงศ์ก็เดินเข้า “ปั้นลม” คาเฟ่ ได้ใกล้ๆเลย
ปั้นลม เป็นเรือนไทยที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มบ้านพักอาศัยของเครือญาติ เดินตามป้ายไปจะพบความร่มรื่นของไม้ดอกไม้ใบ ผลักประตูเข้าไปจะพบกับโซนคาเฟ่อารมณ์วินเทจก่อนเลย
บาริสต้าและคนทำขนมพายหนุ่มหน้าคม เบญญ์ กลิ่นสุคนธ์ ประจำการอยู่ตรงนี้ โซนนี้บอกเลยว่าแสงสีโทนนุ่มน่านั่งจิบเครื่องดื่มมากๆ ถ้ามากัน 2-3 คน พักตรงนี้เลย
แต่ถ้าเดินเข้าไปในบ้านจะเป็นอารมณ์บ้านที่มีเจ้าของเป็นนักสะสม ที่มีทั้งตู้ปลา เปลือกหอย ไม้แกะสลักศิลปะชวา โล่ไม้แกะสลักศิลปะดั้งเดิมของชนเผ่า หนังสือศิลปะน่าอ่านวางอยู่ตามมุมห้อง
ก่อนชมบ้านเรามาชิมพายฝีมือของ เบญญ์ กับกาแฟร้อนๆ กันก่อนค่ะ เบญญ์เป็นหนุ่มที่ทำงานอยู่ในแวดวงโฆษณาที่ตอนนี้หันมาจริงจังกับการขายพายโฮมเมดในนาม Ben's baked เริ่มต้นจากขายในเพจเฟซบุ๊ก จนวันนี้ขยับมาเปิดหน้าร้านในบ้านโบราณของครอบครัว
เบญญ์เล่าว่าชอบกินพายมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนประจำที่ทัสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย พอกลับมาเมืองไทยหาพายรสชาติถูกใจแบบออสซี่พายที่เคยกินไม่ได้ เลยตัดสินใจลงมือทำเอง เรียกว่าลองถูกลองผิดให้คนลองชิมกันจนได้รสที่ถูกใจแล้วจึงตัดสินใจเปิดขายในออนไลน์ก่อน มีให้เลือกตั้งแต่พายเนื้อ พายหมู พายไก่ พายปลา และพายเห็ด
พายแป้งกรอบไส้แน่นมีให้ชิมทั้งเนื้อและไก่ (ภาพ : Ben's baked)
เมนูเด็ดที่เบญญ์แนะนำ คือ พายเนื้อเกรเวี่ , Savory Tomato Beef และ กะเพราเนื้อ ส่วนคนที่ชอบพายไก่อยากให้ลอง ไวท์ซอส และ กะเพราไก่ ใครไม่อยากกินเนื้อสัตว์มีพายครีมเห็ด และ ผักโขมอบชีส
ถ้ามานั่งกินที่ร้านจะอบให้ร้อนๆ ก่อนเสิร์ฟ จะกินคู่กาแฟร้อน หรือกาแฟเย็นก็เข้าที มีให้เลือกมากมาย เช่น อเมริกาโน่มะพร้าว อเมริกาโน่ลิ้นจี่มะลิ น้ำมะนาวมะลิโซดา ที่ตกแต่งมาด้วยดอกไม้ที่ปลูกเองในบ้านสวยงาม
คราวนี้ก็ได้เวลาเข้าสู่ภายในห้องอาหารของคุณแม่ จินตนา กลิ่นสุคนธ์ กันบ้าง คุณแม่เล่าว่าเดิมบ้านหลังนี้เป็นเรือนครัวของคุณตาของเบญญ์ที่ย้ายมาจากอยุธยา
จากเรือนใต้ถุนสูงได้รับการปรับปรุงต่อเติมให้กลายเป็นที่พักอาศัยและใช้เป็นห้องทำงานของคุณจินตนาและช่างทำรองเท้าและกระเป๋ายี่ห้อ “ดอกหญ้า” ที่มีหน้าร้านอยู่ตรงถนนสามเสนมากว่า 30 ปี
“พี่ไปช่วยเพื่อนนักวิชาการเก็บข้อมูลเรื่องบ้านโบราณในย่านบางกอกน้อย เลยได้ไอเดียในการเปิดบ้านเก่าให้คนได้เข้ามาชม เพราะบ้านเราเองก็เป็นบ้านเก่าอายุ 120 ปี ลองถามลูกว่ามาเปิดร้านในบ้านกันไหม
พอดีสัญญาเช่าร้านดอกหญ้าที่สามเสนหมดพอดี ถือโอกาสเปิดบ้านเป็นร้านขายพายของลูกชาย แล้วนำสูตรอาหารโบราณของคุณแม่มาแจมด้วย
โดยมีมุมให้ลูกค้าดอกหญ้ามาแวะซื้อรองเท้า เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เราอยากจะซ่อมแซมบ้านเป็นการรักษาและเพิ่มคุณค่าให้บ้านด้วย” คุณจินตนาเล่าถึงที่มาของการเปิดบ้านเก่าให้กลายเป็น “ปั้นลม” คาเฟ่
ในส่วนของเมนูอาหารจะมีให้เลือกไม่มาก เนื่องจากมีแม่ครัวเพียง 2 คน คือ คุณจินตนาและผู้ช่วย ซึ่งจะช่วยกันปรุงสำรับตำรับโฮมเมดจริงๆ ของบ้าน โดยอ้างอิงจากสูตรของคุณแม่ชาวสวนกรุงธนบุรีซึ่งแต่งงานกับคุณพ่อชาวกรุงศรีอยุธยา
ได้แก่ เมี่ยงส้มโอและส้มซ่า ( จานเล็ก 150 จานใหญ่ 250 บาท) ม้าฮ่อ (200 บาท) ปลาแห้งแตงโม (จานเล็ก 150 บาท จานใหญ่ 200 บาท) ม้าฮ่อและมังกรคาบแก้ว (จานเล็ก 250 บาท จานใหญ่ 350 บาท) ข้าวตังหน้าตั้งชาวสวน ( จานเล็ก 150 จานใหญ่ 250 บาท)
ยำขโมย (จานเล็ก 250 บาท จานใหญ่ 350 บาท) หมี่กรอบส้มซ่าชาวสวน (250 บาท) ข้าวคลุกกะปิจันทบูร (จานเล็ก 150 จานใหญ่ 200 บาท) และ เขียวหวานสองกรุง (150 บาท 250 บาท) เป็นต้น
ม้าฮ่อ และมังกรคาบแก้ว
เนื่องจากอยากชิมของว่างหลายอย่างจึงขอสั่งเมี่ยงส้มโอและส้มซ่า ม้าฮ่อและมังกรคาบแก้วรวมกันในจานพิเศษ
เมี่ยงส้มโอเสิร์ฟมาในใบชะพลูคล้ายเมี่ยงคำแต่รสชาติเป็นส้มโอรสชาติชื่นใจ ส่วนที่ไม่เหมือนใครคือไส้ปรุงรสที่ปั้นเป็นก้อนกลมจัดวางลงในเมี่ยงส้มโอ ม้าฮ่อและมังกรคาบแก้ว มีความต่างจากที่เคยชิมมา
“ส่วนผสมนี้ไม่มีหมูสับเหมือนไส้สาคูนะคะ แต่มีหัวไชโป๊ กุ้งแห่ง น้ำตาลมะพร้าว มะขามเปียก และถั่วลิสง ทุกคนบดละเอียดแล้วกวนให้เข้ากัน บ้านเราทานกันอย่างนี้นะคะ อาหารส่วนใหญ่เราปรุงรสเค็มด้วยน้ำปลา เมนูนี้ก็เช่นกันค่ะ” เจ้าของบ้านอธิบาย
“มังกรคาบแก้ว พี่เปลี่ยนจากส้มเขียวหวานมาเป็นส้มแมนดาริน เพราะได้รสชาติที่เข้มข้นกว่าสีก็สวยด้วย ส่วนยำขโมยเป็นเมนูที่ดัดแปลงมาจากยำใหญ่ เพราะเครื่องเรามีไม่ครบ น้ำยำมีรสชาติเบาๆ ไม่จัดเหมือนยำทั่วๆไป เวลาเสิร์ฟเราจะมีน้ำยำกับพริกขี้หนูเพิ่มให้เติมได้ตามชอบ”
ใครที่ชอบรสจัดหน่อย หมี่กรอบส้มซ่าชาวสวน เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ เส้นหมี่มีความกรอบพอดีด้วยเทคนิคการแช่ในน้ำส้มสายชูก่อนนำไปทอดกรอบ ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา น้ำส้มซ่า น้ำมะขามเปียก และน้ำกระเทียมดองที่เจ้าของบ้านดองเอง เป็นจานที่กินเพลินเลยทีเดียว
มาถึงอาหารจานหลักคุณจินตนาแนะนำให้ลอง แกงเขียวหวานสองกรุง จะเลือกกับคู่กับขนมจีนหรือข้าวสวยร้อนๆ ก็ได้ เมนูนี้น่าสนใจคือ พริกแกงมีส่วนผสมของเครื่องเทศหลายชนิดทั้งลูกผักชียี่หร่า ใบโหระพา ใบมะกรูดตำรวมกันไปเลย รสชาติไม่เผ็ดจัดแต่กลิ่นหอมเครื่องเทศนั้นหอมกรุ่นขึ้นจมูกทีเดียว เป็นลูกผสมของกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี มีให้เลือกทั้งเนื้อวัว และปีกไก่
อิ่มของคาวแล้วอยากกินของหวานต่อ เดินกลับไปที่โซนคาเฟ่ของเบญญ์แล้วสั่งบราวนี่มากินกับชามะลิร้อนๆสักถ้วยจะเป็นการปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์
“ปั้นลม” เป็นคาเฟ่เล็กๆ ในบ้านไทยร่วมสมัยที่เจ้าของบ้านบอกว่าไม่มีคำนิยามให้ว่าเป็นแนวไหน หากแต่เป็นชีวิตจริงที่ไม่ได้จัดฉาก ของประดับตกแต่งเครื่องมือเครื่องใช้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของที่อยู่ในชีวิตจริง
ใครที่สนใจมาเยือนบ้านปั้นลม ถ้ามากันหลายคนรบกวนแจ้งล่วงหน้าด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกในการต้อนรับ เนื่องจากมีพนักงานอยู่ 3 คนถ้วนค่ะ
ปั้นลมคาเฟ่ (Panlom)
- ที่ตั้ง : ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางขุนนนท์( MRT สายสีน้ำเงิน) ทางฝั่งซอยจรัญสนิทวงศ์เลขคี่
- โทร. 08 1822 6991 ร้านเปิดวันพฤหัสบดี – อาทิตย์ 11.30 – 18.00 น.
- เฟซบุ๊ก Panlom
