คิด-เช่น-แมร์

 คิด-เช่น-แมร์

กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ เผยเหตุตัดสินใจเล่นโยคะจริงจัง กินอาหารสุขภาพ ประกาศ "จะอยู่บนวิถีแห่งถนนสุขภาพไปให้ตลอดชีวิต"

การหาแรงบันดาลใจเพื่อลุกขึ้นมาดูแล ‘สุขภาพ’ ด้วยการ ออกกำลังกาย...อย่างจริงจัง และ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์...อย่างมีวินัย หลายคนมักพูดกับตัวเองว่า “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”


พิธีกรสาวฝีปากกล้าซึ่งทุกวันนี้กลายมาเป็นเฮลตี้ไอคอน (healthy icon) หุ่นเฟิร์ม มีซิกซ์แพ็ค โยคะท่ายากขนาดไหนทำได้ถูกต้องตรงเป๊ะ และมีวินัยในการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ยอมรับว่า เธอเป็นคนหนึ่งที่เคยผลัดวันด้วยคำว่า “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เรื่อยมา


"การกินอาหารเพื่อสุขภาพ หลายคนบอกมันยาก แมร์เป็นคนหนึ่งที่เคยปฎิเสธเรื่องนี้เรื่อยมา ควานหาข้ออ้างให้กับตัวเอง เอาไว้ก่อนน่ะ มื้อสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พรุ่งนี้มาไม่ถึงสักที เพราะจะมีเพื่อนชวนไปกิน เจ้านายเลี้ยง มีโต๊ะแชร์ มีวันเงินเดือนออก มีปาร์ตี้ แต่ถ้าเราบอกตัวเองว่า เราสามารถออกกำลังกายเหนื่อยๆ ขนาดนี้ได้สำเร็จ นี่คือการทรมานตัวเอง เคยคิดมั้ยอยู่บ้านดีๆ ก็ดีอยู่แล้ว จะมาออกกำลังกายให้เหนื่อยทำไม แต่เรามาออกกำลังกายเสร็จ โคตรชอบตัวเองเลย อาบน้ำ...รู้สึกดี๊ดี ดีนะที่จิกตัวเองออกมาจากบ้าน คุณจะชอบตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง แต่คุณสามารถดีขึ้นไปได้อีก...ด้วยอาหาร อาหารคือยา และมันจะรักษาเรา ดีกว่าวันหนึ่งเราต้องไปกินทุกอย่างเป็นกำๆ แล้ววันหนึ่งหมอบอกว่า คุณห้ามกินอันนี้อีกแล้วนะตลอดชีวิต เพราะคุณเป็นเกาต์ คุณเป็น(โรค)ไต คุณเป็น(โรค)ตับ คุณไขมันสูง" พัชรศรี ให้สัมภาษณ์ในงาน โยคะ แอนด์ มี วิธ คิด-เช่น-แมร์ (Yoga & Me with Kitchen Mare) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ สตูดิโอ Yoga & Me สาขาเดอะวอร์ค เกษตร-นวมินทร์


กาละแมร์เริ่มสนใจฝึก โยคะ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพที่เริ่มไม่ปกติ

"ที่เริ่มมาฝึกโยคะเพราะมีอาการขาชาไปข้างหนึ่ง ตื่นมาขาชา อุ๊ย..จะเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทหรือเปล่า ด้วยอาชีพเราใส่ส้นสูงมาก ยืนนานมากบนเวทีหรือเปล่า ไม่นะไม่อยากเป็นนะ ต้องผ่าตัดหรือเปล่า ฉันจะเดินไม่ได้ คิดไปโน่นนี่นั่น ก็เลยคิดว่าเอาล่ะโยคะน่าจะช่วยเราได้" กาละแมร์ กล่าว


ถึงวันนี้กาละแมร์เล่นโยคะมาแล้ว 2 ปีครึ่ง เธอว่า อาการปวดขาปวดหลังไม่มีแล้ว ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แข็งแรง คล่องแคล่ว แถมรู้สึกเป็นหนุ่มสาวมากกว่าช่วงวัยรุ่นด้วยซ้ำ


"เมื่อก่อนเป็นภูมิแพ้ ตื่นมาจาม ก็ไม่เป็นเลย เจ็บคอเป็นไข้เป็นหวัด..บ่อยๆ ก็ไม่มี เพราะภูมิต้านทานเราดีขึ้น โยคะยังช่วยมากเรื่องจิตใจ อารมณ์ สมาธิ เพราะต้องอยู่กับตัวเองตลอดเวลา อยู่กับลมหายใจตัวเอง จึงเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว และสอนเราหลายอย่าง อดทน พยายาม ฝึกฝนบ่อยๆ ทำให้เราประสบความสำเร็จขึ้นเอง แรกๆ ทำไม่ได้เลยนะท่าโยคะพื้นฐาน ก้มตัวแตะพื้น ส้นเท้าเราก็ไม่วางแตะพื้น ตัวแข็งมาก ทำไม่ได้สักท่า ร้องโอดโอยตลอดเวลา แต่พอทำไปเรื่อยๆ ความมหัศจรรย์ของร่างกายตอบแทนเราเองว่า ด้วยการฝึกฝน จะมีความอ่อนตัวไปเรื่อยๆ" กาละแมร์ กล่าว


หลังประสบความสำเร็จจากการมีวินัยออกกำลังกายและฝึกโยคะ กาละแมร์สารภาพเธอเคยคิดว่า “ออกกำลังกายแล้วกินอะไรก็ได้” แต่ผลก็คือ ไม่ว่าจะออกกำลังกายอย่างไร รูปร่างก็ไม่เปลี่ยนไปในทางที่ต้องการ แต่ตกอยู่ในสภาพที่เธอเปรียบเปรยว่า ‘หมูสุขภาพดี’


ภาพดาราสาว คาเมรอน ดิแอซ อวดเรือนร่างสุดเซ็กซี่ในชุดบิกินีสีขาวจากภาพยนตร์เรื่อง Charlie's Angels ต่างหากเป็น ‘ไอดอล’ ที่กาละแมร์ยอมรับว่า นั่นคือเป้าหมายของเธอ


เมื่อมีเป้าหมายสูงขนาดนั้น กาละแมร์เล่าว่าเธอเริ่มหาเทรนเนอร์ เริ่มหาความรู้เรื่องอาหาร ซึ่งนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินทั้ง ลด-ละ-เลิก, พฤติกรรมการกินที่เกิดจาก ความเข้าใจผิด และก้าวไปสู่ ทำอาหารด้วยตัวเอง จากที่ไม่เคยทำอาหารกินเองเลย...ถึงขั้นใช้เตาอบเป็นที่คว่ำจานและเคยนึกอยากให้คอนโดรื้อไอส์แลนด์ครัวออก


"เมื่อก่อนแมร์ก็เป็นคนกินอร่อยค่ะ ไม่อร่อยไม่กินนะคะ แต่ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนั้นอยู่นะคะ แต่เพิ่มเติมว่า..อร่อยแล้วต้องมีสุขภาพดีและไม่ทำให้อ้วน" กาละแมร์ กล่าวและสรุปว่า นโยบายการกินของเธอตอนนี้คือ (อาหาร)หน้าตาดี มีประโยชน์ ทำง่าย กินได้จริง เวลาจะรับประทานสิ่งใดต้องคิดก่อน รับประทานเข้าไปแล้วส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง คิดวิเคราะห์แยกแยะได้เหมือนเวลาไปชอปปิงต่างประเทศแล้วแปลงเป็นเงินไทยได้อย่างรวดเร็ว


“การกินของแมร์ก็เหมือนกัน เวลาเราเห็นเมนูอาหารหรืออาหารตรงหน้า จะรู้เลยว่าควรกินอะไรอย่างไร ในปริมาณเท่าไร ทุกอย่างออกมาโดยอัตโนมัติ เวลามานอกบ้าน เราก็เลือกอาหารกินได้เช่นเดียวกัน ไม่มีแปลกแยกกว่าคนอื่น ไม่ใช่ไม่ออกจากบ้านเลย ทำอาหารกินเองตลอด คือแบบนั้นก็ได้ แต่เราต้องมีเพื่อน ญาติพี่น้อง ลูกเราผัวเรา เดี๋ยวเขาจะไม่คบเราด้วย เพราะฉะนั้นเราก็อยู่ได้ในสังคม เพียงแต่เรารู้ว่าควรจะกินอะไร”


แนวคิดดังกล่าวค่อยๆ นำมาสู่การทำอาหารรับประทานด้วยตัวเองของ พัชรศรี เบญจมาศ และหนังสือเล่มใหม่ของเธอ คิด-เช่น-แมร์ ซึ่งพ้องเสียงตรงกับภาษาอังกฤษ Kitchen Mare ได้ความหมายเกี่ยวกับอาหารการกินพอดี


"เราจะไม่กินอกไก่ยางลบ นักกล้ามนักเพาะกายคิดอะไรไม่ออกต้องกินอกไก่ อันนั้นเขาต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างแท้จริง หรือเอาไข่ขาวมากองๆ กันแบบไม่มีรสชาติ เราก็จะไม่เอาแบบนั้น แมร์ก็ยังรักษาคอนเซปต์เดิม ไม่อร่อยไม่กิน ต้องกินให้อร่อยค่ะ (อาหาร)หน้าตาดี ถ่ายรูปลงโซเชียลเป็นที่เชิดหน้าชูตา ต้องการไลค์ ต้องการคอมเมนต์ และต้องกินได้จริงๆ ด้วย ไม่ใช่กินไม่ได้ เพราะเราจะอยู่บนวิถีแห่งถนนสุขภาพไปให้ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นต้องกินอย่างไรดีล่ะ ขนมก็ยังอยากกิน ก็ต้องคิดค้นหาวิธีกินบราวนี่ให้ได้ กินแพนเค้กยังไง กินสปาเกตตียังไง กะเพราก็ยังต้องกินได้ ใส่ไว้ในหนังสือแล้ว 26 เมนู" กาละแมร์ กล่าว


หนึ่งใน 26 เมนู คิด-เช่น-แมร์ ได้แก่ ลูกชิ้นไก่ไร้แป้ง กาละแมร์เล่าว่าได้สูตรนี้มาจากผู้เล่นไอจีและดูแลสุขภาพคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ และอธิบายวิธีการทำ ดังนี้ นำ สันในไก่ ไปแช่แข็ง เพื่อที่เวลานำไปปั่น จะได้เนื้อลูกชิ้นที่ ‘เด้ง’ มากกว่า(โดยไม่ต้องใส่สารแปลกปลอม) หากไม่มีเวลาหรือไม่ต้องการแช่แข็งสันในไก่ ก็สามารถทำได้เลย ด้วยการใส่ น้ำแข็ง ลงไปปั่นพร้อมกับเนื้อไก่ เมื่อนำไปทำลูกชิ้นก็มีความเด้งเช่นกัน ปั่นสันในไก่รวมกับ ไข่ขาว รากผักชี กระเทียม พริกไทยขาว-ดำ(ตามชอบ) เกลือ แล้วปั้นเป็นก้อน นำน้ำตั้งไฟ พอน้ำเดือดแล้วเบาไฟ อย่าให้น้ำเดือดปุดๆ ลูกชิ้นจะออกมาไม่สวย เสร็จแล้วจะกินกับก๋วยเตี๋ยว หรือปิ้ง วางบนกระทะโดยไม่ต้องใส่น้ำมัน หาน้ำจิ้มไก่ที่ไม่ใส่สารกันบูดและผงชูรส


“ลูกชิ้นไก่สูตรนี้โปรตีนสูงมาก แมร้ใช้สันในไก่ ถ้าฮาร์ดคอร์ได้...ใช้อกไก่(แห้งกว่า ไม่มีไขมัน) ถ้ายังเริ่มต้น ใช้สันใน(ไก่)ก่อนก็ได้” กาละแมร์ กล่าว


อีกหนึ่งเมนูที่เลือกมาให้ชิม คือ สปาโหระพา หรือชื่อเต็มๆ ‘สปาเกตตีโหระพา’


วิธีทำคือนำ ใบโหระพา ถั่วอัลมอนด์ กระเทียม พริกไทย เกลือ น้ำมันมะกอก ปั่นรวมกัน ถ้าอยากให้ซอสผัดเนื้อเนียนขึ้น ใส่ อะโวคาโด จากนั้นเลือกเนื้อสัตว์ที่ชอบ เช่น กุ้ง ไก่ เลือกเส้นสปาเกตตีโฮลวีต โฮลเกรน(ธัญพืชเต็มเมล็ด) หรือควินัว(Quinoa ให้โปรตีน-กากใยมากกว่าข้าว) ลวกเส้นตามคำแนะนำบนฉลากข้างกล่อง จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่กระเทียม หอมใหญ่ ผัดให้กลิ่นหอม ใส่เนื้อสัตว์ ใส่เส้นที่ลวกไว้ ใส่ซอสที่เตรียมไว้ ผัดรวมกัน


นอกจากหันมาทำอาหารกินเอง กาละแมร์ยังกล่าวถึง ความเข้าใจผิดเรื่องการกิน และพฤติกรรมการกินที่ควร ลด-ละ-เลิก โดยยกตัวอย่างไว้ดังนี้

"เช่นเมนู ผัดผัก เมื่อก่อนคิดว่าเรากินผัดผักจะอ้วนได้อย่างไร แต่ดูน้ำมันที่ใช้ผัดสิ..เยิ้มมาก ก็ไม่ใช่อีก น้ำมันที่ใส่ลงไป น้ำปลา น้ำมันหอย เกิดความเค็ม ก็จะทำให้เราตัวบวมอีก นี่คือความเข้าใจผิด...


สุกี้แห้ง...ไม่ได้ ทำไมไม่ได้...สุกี้แห้งผักทั้งนั้น แต่สุกี้แห้งใช้น้ำมันผัดเต็มๆ กิน ‘สุกี้น้ำ’ ดีกว่า...

หรือ ตอนเย็นกินผลไม้ ก็ไม่ได้อีก ทำไมไม่ได้ เพราะผลไม้บางอย่างมีน้ำตาล ต้องเลือกด้วยว่าตอนเย็นถ้าจะกินผลไม้ต้องเลือกกิน สิ่งที่กินได้คือ ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิล แก้วมังกร และเบอร์รี่ต่างๆ ที่มีรสเปรี้ยว ใครที่คิดว่าจะลดความอ้วนด้วยการกินผลไม้ตอนเย็น ก็ไม่ผอม เพราะเราได้แต่น้ำตาลเข้ามา...

ผลไม้ก็เป็นคาร์โบไฮเดรต ถ้าเรากินผลไม้แล้ว ก็อย่าซัดข้าวเยอะ ต้องถ่วงน้ำหนักกัน เช่น ทุเรียนมา ข้าวต้องไป ไม่ใช่ทุเรียนมา ข้าวก็มา ขนมก็มา มากันหมดเลย ไม่ได้ๆ ถ้าอยากหุ่นดี แต่กินกระหน่ำ เป็นไปไม่ได้ค่ะ...


บางคนคิดว่า ไม่กินเนื้อสัตว์ กลัวอ้วน ไม่ใช่เลย เนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เหมาะสำหรับทุกคน จะออกกำลังกายหรือไม่ ก็ต้องกิน เพราะร่างกายเราประกอบด้วยกล้ามเนื้อ สิ่งที่จะมาซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ คือเนื้อสตว์...หรือโปรตีนนั่นเอง

พอเรากินโปรตีนน้อย กล้ามเนื้อไม่ขึ้น ไม่ได้รับการซ่อมแซม ยิ่งคนออกกำลังกาย ถ้าไม่กินโปรตีน ก็จะเผละ เพราะร่างกายจะดึงกล้ามเนื้อตัวเองออกมาใช้ เพียงแต่เราเลือกกินโปรตีนดี อย่างเช่นไข่ ไก่ ปลา ขึ้นอยู่กับเราใช้วิธีปรุงอย่างไร เราก็ใช้วิธีย่าง นึ่ง ต้ม อบ

ไก่..เราจะไปกิน ข้าวมันไก่ ก็กินได้นะ เพียงแต่เราไม่กินหนัง เลือกกินเนื้อส่วนอกที่มีไขมันน้อยที่สุด แมร์จะซื้อแต่ไก่ แล้วมากินกับข้าวกล้องของตัวเองหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพราะ ‘ข้าวมัน’ มีความมันมาก เพราะเขาเอาข้าวลงไปกวนกับน้ำมัน หรือไม่เช่นนั้นเราก็กิน แตงกวา เข้าไปเยอะๆ ทุกอย่างในชีวิตเรายังอยู่ได้ตามปกติ...

เราจะกิน ข้าวขาหมู..ก็ได้ แต่เราไม่เอาคากิ ไม่เอาหนัง ไม่เอามัน เราก็ขอเนื้อล้วน ถ้าร้านไม่มีข้าวกล้องข้าวไรซ์เบอร์รี่ เราก็ซื้อกลับมากินบ้านกับข้าวที่เราหุงเอง ผักสั่งเพิ่มก็ได้ และอย่าไปเอาน้ำเยอะ...


คนออกกำลังกาย กิน เวย์(whey)ก็ได้ มีฐานะ..กินไปเลย เลือกเวย์ไอโซเลต (whey isolate ดึงคาร์โบไฮเดรตและไขมันออกแล้ว เหลือแต่โปรตีนล้วนๆ) ถ้าน้ำหนัก 50 กิโลกรัม วันหนึ่งคุณต้องได้รับโปรตีน 50 กรัม แต่ถ้าคุณออกกำลังกาย คุณต้องได้รับโปรตีน 75 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟองมีโปรตีน 6 กรัม ก็คำนวณกันไป...

บางคนลดความอ้วนด้วยการขอกิน น้ำซุป แกงจืด กินแต่น้ำ(ซุป) ไม่น่าจะอ้วน อ้วน...เพราะน้ำซุปมีโซเดียม ตัวบวมเลย...


ควร เลิกกินทุกอย่างที่เป็นสีขาว เช่น ขนมปังสีขาว เส้นสีขาว พวกนี้คือโดนขัดกากใยออกไปหมดแล้ว มันจะกลายเป็นน้ำตาลฉีดเข้าเส้นเราอย่างเร็ว คนทำขนมปังขายให้รสชาติอร่อยเขาต้องใส่เนย น้ำตาลทราย ถ้าทำขนมปังเองได้..ทำกินเองเลยค่ะ มีเครื่องทำขนมปังสำเร็จรูป อยากใส่เม็ดอะไร(ควินัว, ถ่าน ฯลฯ) ใส่ลงไปเลยค่ะ ถ้าเรายังไม่ถึงขั้นนั้น เราก็เลือกอะไรที่ไม่เป็นสีขาวมากนัก" กาละแมร์ ยกตัวอย่างในสิ่งที่ตัวเองกำลังปฏิบัติ

ที่ควรลดอีกอย่างคือ น้ำตาลขาว แต่คนส่วนใหญ่เลิกยากเพราะเมื่อบริโภคเข้าไปแล้วมีสารสั่งสมองเหมือนที่โคเคนสั่ง ทำให้สดชื่นทันที ถ้าไม่ออกกำลังกาย พลังงานส่วนเกินจากน้ำตาลจะแปลงเป็นไขมันเก็บอยู่ที่หน้าท้อง ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีกระดูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ร่างกายมีกลไกเก็บไขมันไว้รองรับการอุ้มท้อง
"วิธีสุขภาพไม่ใช่เรื่องยาก แค่เราลดละเลิกอะไรบ้างอย่าง เราก็ยังได้กินอาหารอร่อยในแบบของเราได้" กาละแมร์ กล่าวและว่า ยิ่งได้ฝึก โยคะ ซึ่งมีผลต่อระบบการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ก็ยิ่งสัมพันธ์และส่งเสริมการดูแลสุขภาพมากขึ้นไปอีก


"การฝึกโยคะช่วยระบบภายในร่างกายทั้งหมด" พงศ์พิพัฒน์ เกียรติประพิณ หรือ 'ครูเอก' เริ่มอธิบายว่า 'โยคะ' เกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารได้อย่างไร

“เวลาเราพูดถึงการออกกำลังกาย เรามักมองแต่เรื่องกล้ามเนื้อ แต่เวลาที่เราได้ขยับโดยเฉพาะโยคะ การก้มตัว พับตัว บิดตัว มันเป็นการกดนวดอวัยวะภายในช่องท้องโดยอัตโนมัติ เหมือนเวลาไปนวดแล้วถูกกดแล้วคลายออก เราจะรู้สึกถึงการไหลเวียนผ่านเข้ามา รู้สึกเลือดไหลเวียน เวลาทำท่าโยคะ บางท่ามันกด บิด นวด..เข้าไปในอวัยวะช่องท้อง ทำให้อวัยวะพวกนี้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ระบบการไหลเวียนดีขึ้น เป็นตัวช่วยให้ระบบการย่อย ระบบการขับถ่าย กลับมาทำงานดีขึ้น นั่นคือเหตุผล” ครูเอกให้สัมภษณ์ @taste ในเวิร์คชอป ‘โยคะ แอนด์ มี วิธ คิด-เช่น-แมร์’


ครูเอก-พงศ์พิพัฒน์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Yoga & Me และเป็นครูสอนโยคะมานานกว่า 13 ปี เคยเข้าฝึกในโยคะเวิร์คชอปกับครูโยคะที่มีชื่อเสียงหลายคน Sharath, Manouso Manos, David Swenson, Ana Forrest, Shiva Rea เป็นอาทิ


โยคะขั้นพื้นฐาน ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้ร่างกายทุกส่วนทุกระบบ ไม่ว่าระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย กลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องทำ โยคะท่ายาก


“ที่สำคัญที่สุดอยากให้คนฝึกโยคะเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำท่ายากแล้วจะได้ประโยชน์เยอะ จริงๆ ท่าง่ายได้ประโยชน์เยอะและได้ก่อนด้วยซ้ำ เพราะถูกออกแบบมาแล้วว่าเมื่อใดที่คุณฝึกโยคะ ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นจากข้างในแล้วค่อยๆ ออกมาข้างนอก” ครูเอกกล่าว


ระยะเวลาฝึกโยคะ ฝึกได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงไปจนถึงหนึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมงครึ่ง แล้วแต่เวลาที่ผู้ฝึกมีมากหรือน้อยและความสามารถ-ความพร้อมของร่างกายแต่ละคน ซึ่งไม่เท่ากัน


การฝึกโยคะแต่ละท่า ควรค้างไว้ประมาณ 15 วินาทีอย่างต่ำ หรือมากกว่านั้นก็ได้


“ถ้าเรารู้สึกว่ามีปัญหาเยอะ อาจต้องทำท่านั้นค้างนานขึ้น หรือทำซ้ำๆ บ่อยๆ และมีความถี่ในแต่ละวันมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเราต้องการให้ระบบย่อยดี ระบบขับถ่ายดี เราควรทำทุกวัน ทำซ้ำๆ ก็จะช่วยปรับให้ร่างกายเริ่มกลับมาดีขึ้น” ครูเอก กล่าว


อย่างไรก็ตาม ครูเอกกล่าวด้วยว่า "โยคะ ไม่ใช่ทำท่าหนึ่งปุ๊บแล้วจะหายทันที อย่าลืมว่าเราใช้ชีวิตใช้ร่างกายบางอย่างแบบนี้มานานแล้ว บางทีเราชอบกินอาหารย่อยยาก เราไม่ค่อยได้ดูแลร่างกายเป็นเวลาหลายสิบปี การฝึกโยคะคือจุดเริ่มต้น เมื่อใดเราทำสม่ำเสมอมากขึ้น มันจะดีขึ้น ถ้าเราทำต่อเนื่อง มันก็ยิ่งดึงให้เราดีขึ้น"

ไม่จำเป็นต้องเอา ‘เวลา’ เป็นตัวกำหนดว่าจะฝึกครั้งละกี่นาที

"ข้อหนึ่งที่ผมแนะนำคนฝึกโยคะหรือออกกำลังกาย บางทีเรารู้อยู่แล้วฝึกอาทิตย์ละสามวันดี สี่วันดี ทำทุกวันดี วันละชั่วโมงดี ทุกคนรู้ว่าดี แต่สุดท้ายหาเวลาไม่ได้ ผมเลยบอกว่าขอให้ได้ทำเถอะ, 15 นาทีก็ได้ 30 นาทีก็ได้ เช่น 15 นาทีตื่นตอนเช้า ก็ได้ประโยชน์แล้ว ทำเบาๆ ก่อนนอนอีก 15 นาทีก็ได้หมด เสาร์อาทิตย์มีเวลาว่างช่วงไหน ขอให้ได้ทำ" ครูเอก กล่าว


"เราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด หมอรักษาเราได้บ้างโรค แต่การดูแลและป้องกันคือหน้าที่ของเรา การออกกำลังกายให้ผลอย่างไรคุณรู้อยู่แล้ว โยคะคือยาวิเศษที่สุด แมร์บอกได้เลยว่าจะเล่นโยคะไปตลอดชีวิต" กาละแมร์กล่าวและให้ข้อคิดด้วยว่า


แต่ละคน...คือหมอที่ดีที่สุดของตัวเอง



ภาพ : ยิ่งศักดิ์ อุดมเทอดสกุล