“สวรรค์บนดิน” หอมกลิ่นความรัก

ชาร้อนนอนตัวนิ่งอยู่ในถ้วยปั้นใบเก๋ ...
ควันสีเทาจางๆ ที่ลอยฟุ้งขึ้นมานั้น นำพาเอากลิ่นอ่อนๆ ของใบเตยหอมมาด้วย เมื่อแรกจิบรู้สึกได้ถึงความหวาน หอม กลมกล่อม ละเมียดละไม เคลิบเคลิ้มจนเกือบลืมไปว่า นี่คือ “ชาสมุนไพร” ที่ได้จากสวนหน้าบ้านนี่เอง
สวรรค์บนดิน ประกาศตัวเองว่าเป็น “ฟาร์ม” และ “โฮมสเตย์” แต่เมื่อลองเข้าไปสัมผัสแล้วจึงได้รู้ว่า ที่นี่ยังเป็น “ศูนย์การเรียนรู้ขนาดย่อม” ที่พร้อมมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนด้วย
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ครอบครัว “เวสารัชชพงศ์” ที่เคยมีชีวิตปกติเช่นชาวกรุงเทพฯ ทั่วไปต้องพบกับฝันร้าย เมื่อ ฐิติพันธ์ เวสารัชชพงศ์ หัวหน้าครอบครัว มีอาการชาร่างกายและขยับตัวไม่ได้ เนื่องจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมอง ซึ่งหลังจากพยายามรักษา รวมทั้งทำกายภาพบำบัดตามระยะแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น พวกเขาจึงหารือกันว่า ควรย้ายไปหาสิ่งแวดล้อมดีๆ ที่มีความใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อเป็นการบำบัดภาวะอาการแบบนี้จะดีกว่า
ปี 2558 สวรรค์บนดิน จึงเกิดขึ้น ณ ผืนแผ่นดินในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ อรรถพรรณ เวสารัชชพงศ์ คู่ชีวิตของฐิติพันธ์ โดยมี โต-ชูเกียรติ เวสารัชชพงศ์ ลูกชายคนโตมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“ที่นี่อากาศดี อยู่ติดแหล่งน้ำธรรมชาติ เราเริ่มปลูกต้นไม้ ปลูกผัก และปลูกสมุนไพร เราเรียนรู้ว่าอะไรรักษาพ่อของเราได้ เป็นเวลาไม่นาน พ่อของเรามีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน เริ่มเดินได้ พูดได้ตามปกติ และทุกๆ เช้าท่านก็ช่วยเก็บดอกอัญชัน และพืชผักต่างๆ อยู่เสมอๆ”
โต เขียนความในใจแปะไว้ในแฟนเพจเฟซบุค Sawanbondin.farm ก่อนจะเล่าให้ฟังว่า คุณแม่เป็นคนชอบปลูกต้นไม้ แรกๆ เลือกปลูกตะไคร้ อัญชัน กระเจี๊ยบก่อน พอตอนหลังเพิ่มพืชชนิดอื่นๆ ขึ้นมา เพื่อรองรับการทำ “ชาสมุนไพร” ซึ่งโตได้เรียนรู้กระบวนการผลิตชามาจากเครือข่ายพันธมิตรที่น่ารัก
“ตอนแรกแม่ปลูกตะไคร้ขาย ขายได้กำละ 3 บาท พ่อค้าเอาไปขายกำละ 5 บาท พี่โตมาเห็นก็คิดว่าแบบนี้ไม่น่าจะไหว เลยบอกแม่ว่า เรามาทำชาขายกันดีกว่า เป็นชาสมุนไพร พี่โตเขาไปอบรมมา แล้วก็กลับมาทำที่บ้าน ลองทำกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีหลายอย่างทั้งชาตะไคร้ อัญชัน กระเจี๊ยบ ส่วนมะตูม เก๊กฮวย เจียวกู้หลาน เราได้วัตถุดิบมาจากที่อื่น ซึ่งชาของเราจะรสชาติดีเพราะเติมหญ้าหวานที่เป็นรสหวานจากธรรมชาติและกลิ่นหอมของใบเตยหอมเข้าไปด้วย” คุณแม่อรรถพรรณ เล่าอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งกระบวนการผลิตทั้งหลายได้มาด้วยความพิถีพิถัน แถมยังปลอดภัยไร้สารเคมีแบบ 100 เปอร์เซ็นต์
ทุกๆ เช้า เราจะเห็นคุณแม่และหรือถ้าอากาศดีก็จะมีคุณพ่อเดินเคียงข้าง ช่วยกันเก็บอัญชัน รวมถึงพืชสมุนไพรอื่นๆ นำไปตากแห้งด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และผลิตชาสมุนไพรสูตรเฉพาะของสวรรค์บนดินต่อไป
“ตอนแรกเราจะสร้างบ้านอยู่กันเอง แต่ก็อยากมีรายได้เพิ่มด้วย เลยเปิดเป็นโฮมสเตย์ มีห้องพัก 3 ห้อง ราคา 500 บาท 2 ห้อง และ 600 บาท 1 ห้อง ห้อง 600 บาทนี่จะมีโทรทัศน์ให้ครับ” โต เล่านิ่งๆ
ห้องพักภายใต้หลังคาบ้านปูนเปลือยชั้นเดียวจัดว่าอยู่สบาย เพราะเป็นห้องขนาดใหญ่ มีเตียงนอนแบบนุ่มอย่างดี มีเครื่องปรับอากาศสำหรับคนขี้ร้อน มีเครื่องทำน้ำอุ่นสำหรับคนขี้หนาว และมีธรรมชาติอยู่รอบๆ ตัวเรา เรียกว่าอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านตัวเองเลยทีเดียว
นอกจากงานปลูกผัก ผลิตใบชา ดูแลลูกค้าที่มาพักผ่อนแล้ว อีกหนึ่งงานที่กำลังอยู่ในหัวใจของลูกชายคนโตแห่งบ้าน “เวสารัชชพงศ์” คนนี้ก็คือ “งานปั้น”
สิบนิ้วที่กำลังประคองดินบนเครื่องกลึงนั้นขยับเพียงเล็กน้อยเพื่อขึ้นรูปดินให้เป็นภาชนะที่ต้องการ ความเร็วของเครื่องกลึงติดมอเตอร์นั้นอาจทำให้รูปทรงของภาชนะเสียหายหากคนปั้นเผลอไผลไม่ระวัง
ความมีสติตื่นรู้อยู่กับปัจจุบันนี่เองกระมังที่ทำให้โตหลงรักงานนี้หมดใจ และคงไม่ต้องถามว่าเขาหลงใหลมันมากขนาดไหน ก็แค่ทุกครั้งที่มีโอกาส โตมักจะพาตัวเองไปอยู่ในศาลาโรงปั้นคนเดียวเงียบๆ ก่อนจะบรรจงใช้สองมือนวดดินไปด้วยความรักเท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ไม่เพียงแค่มีลูกค้ามาเยี่ยมเยือนสวรรค์บนดินเท่านั้น แต่ยังมีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปมาขอเรียนรู้กระบวนการปลูกพืชผักอินทรีย์ วิธีผลิตชา ศึกษาการปั้น หรือแม้กระทั่งมาขอเรียนรู้เทคนิคในการเพิ่มความสุขจากคนในครอบครัวนี้อยู่เนืองๆ
และก็เพราะ “ความสุข” นี่เองที่เป็นคำตอบให้อดีตช่างภาพอิสระในเมืองกรุงอย่างโต ยอมสละทุกสิ่ง แล้วกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายบนความเป็นจริง ณ ผืนแผ่นดินอันแสนอบอุ่นที่เขาเรียกมันว่า “สวรรค์บนดิน”
......................
ที่ตั้ง : ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
จุดเด่น : สงบ เรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ
ราคา : 500-600 บาท
ติดต่อ : โทรศัพท์ 08 1205 3554 และ 08 5600 9924 หรือเฟซบุค Sawanbondin.farm







