'บุ๋ม ปนัดดา'มอบเงินบริจาค5หมื่นให้หนุ่มเก็บขยะ

"บุ๋ม ปนัดดา" มอบเงินบริจาค 5 หมื่นให้หนุ่มเก็บขยะ เจ้าตัวขอมอบคืนให้ไปช่วยการกุศล ระบุพอใจกับชีวิตที่พอเพียง
น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือบุ๋ม อดีตนางสาวไทยและประธานมูลนิธิองค์กรทำดี ได้เดินทางไปยังสำนักงานเขตสะพานสูง แขวง-เขตสะพานสูง กทม. เพื่อมอบเงินจำนวน 50,000 บาทที่ประชาชนร่วมกันบริจาคให้กับนายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 29 ปี พนักงานเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร ที่ถูกสั่งคุมขังแทนค่าปรับ จากกรณีนำซีดี.เก่าที่เก็บจากกองขยะมาขาย
น.ส.ปนัดดา กล่าวว่า ตอนทราบข่าวดังกล่าวตอนทำธุระอยู่ที่ฮ่องกง จึงคิดวิธีที่จะช่วยเหลือโดยการโพสต์ลงอินสตาแกรมส่วนตัว หลังจากนั้นก็นั่งเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ช่วงระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ได้ตรวจสอบอีกครั้งทราบว่ามีผู้ไม่ประสงค์ออกนามได้ช่วยเหลือกรณีดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประชาชนทยอยบริจาคเงินเข้ามาอยู่เป็นระยะ รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 50,000 บาท ในวันนี้(15 พ.ย.) จึงเดินทางนำเงินจำนวนดังกล่าวมามอบให้นายสุรัตน์ เพื่อเป็นทุนในการใช้ชีวิต
น.ส.ปนัดดา ยังกล่าวอีกว่า จากการพูดคุยทราบว่าทางลูกสาวนายสุรัตน์ป่วย มีเนื้องอกขึ้นบริเวณใบหน้า รักษาตัวที่โรงพยาบาลเด็ก อย่างไรก็ตามตนเองจะขอรับน้องมาดูแลต่อไป ตนเองชื่นชมและขอบคุณนายสุรัตน์ที่ยังไม่เสียกำลังใจ ยังสู้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง
ด้านนายสุรัตน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณสำหรับเงินจำนวนดังกล่าวที่ทางประชาชนได้บริจาคเข้ามาเพื่อช่วยเหลือตน หลังมีข่าวออกไปมีผู้ใหญ่หลายท่าน มีผู้คนติดต่อมาเพื่อช่วยเหลือด้านการเงิน รวมทั้งครั้งนี้ที่น.ส.ปนัดดาได้รวบรวมเงินบริจาคมามอบให้ ตนไม่ขอรับ และส่งมอบคืนให้น.ส.ปนัดดา นำเงินจำนวนนี้ไปเป็นทุนในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หรือทำการกุศลให้กับคนในสังคม ซึ่งตนเชื่อว่ายังมีผู้ยากไร้เหมือนตน หรือมากกว่ารอการช่วยเหลือ เนื่องจากตอนนี้ตนยังมีงานทำ ช่วยเหลือตัวเองได้ มีครอบครัวที่มีความสุข ไม่เดือดร้อน ไม่มีหนี้สินและได้รับอิสรภาพ แค่นี้ก็พอใจแล้ว
"ผมไม่ได้หยิ่งยโส หรืออะไร และอยากฝากบอกผ่านสื่อมวลชน ผมขอบคุณมากสำหรับเจตนาดีที่ช่วยเหลือผม แต่ผมไม่ขอรับ เพราะเงินบริจาคก่อนหน้านี้ ผมก็นำไปชำระหนี้นอกระบบที่ไปกู้ยืมมาสู้คดี ตอนนี้มีคนใจบุญที่ไม่ประสงค์ออกนามช่วยจ่ายค่าปรับให้ผม ได้ออกจากคุก มาทำงานปกติ ผมขอขอบคุณจากใจจริง ที่ได้มอบอิสรภาพให้กับผม ถ้ามีโอกาสผมอยากกราบขอบคุณผู้ใจบุญคนนั้น และถ้าสิ่งไหนที่ผมทำตอบแทนได้ ผมจะทำ ส่วนเงินที่เหลือที่ได้รับบริจาค ผมจะทยอยส่งมอบให้กับมูลนิธิหรืองกรค์การกุศลต่างๆในการช่วยเหลือสังคม หรือถ้าใครอยากบริจาคให้ผมก็ขอให้ไปบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆที่ช่วยเหลือสังคมแทน" นายสุรัตน์ กล่าวยืนยัน
นายสุรัตน์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้พึงพอใจกับชีวิตที่พอเพียง มีงานทำไม่มีหนี้สิน รายได้วันละร้อยสองร้อยตนก็พอใจแล้ว ต่อไปก็จะตั้งหน้าตั้งตาขยันทำงานให้ดีที่สุด เพื่อรอโอกาสในการปรับบรรจุเป็นลูกจ้างประจำตามรอบตามระเบียบวาระ ต่อไปจะทำอะไรคงต้องคิดให้รอบคอบ สิ่งไหนที่ไม่รู้ก็ต้องปรึกษาหาข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก เพราะความผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครั้งเดียวมันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งชีวิต ถือว่าครั้งนี้ตนโชคดีมากที่มีคนใจบุญยื่นมือเข้าช่วยเหลือ







