Human Leadership หัวหน้าที่ลูกน้องอยากได้? แต่มีพนักงานเพียง 29% ที่โชคดี

Human Leadership หัวหน้าที่ลูกน้องอยากได้? แต่มีพนักงานเพียง 29% ที่โชคดี

ทุกออฟฟิศต้องการ “ผู้นำ” ที่มีความเป็นมนุษย์สูง (Human Leadership) แต่วิจัยเผยว่า มีพนักงานบริษัทไม่มากนักที่โชคดีได้ร่วมงานกับ “เจ้านาย” ประเภทนี้

KEY

POINTS

  • เมื่อเกิดวิกฤติการเปลี่ยนแปลง พนักงานจะต้องการความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น คำถามคือ หัวหน้าแบบไหนที่ลูกน้องอยากได้ ในช่วงเกิดวิกฤติการเปลี่ยนแปลง เพื่อซัพพอร์ตทีมให้ไปต่อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ผู้นำแบบ “Human Leadership” อาจคือคำตอบ เพราะเป็นผู้นำที่มี “ความเห็นอกเห็นใจ” มี “ทักษะการปรับตัว” สร้างบรรยากาศการทำงานที่มีความสุขในออฟฟิศ ทำให้ทีมมี Productivity มากขึ้น 
  • น่าเสียดายที่เจ้านายประเภทนี้ยังพบได้น้อย จากการสำรวจของ Gartner ในปี 2022 พบว่า มีพนักงานเพียง 29% เท่านั้น ที่รายงานว่าพวกเขาได้ร่วมงานกับผู้นำประเภทดังกล่าว

ทุกออฟฟิศต้องการ “ผู้นำ” ที่มีความเป็นมนุษย์สูง (Human Leadership) แต่วิจัยเผยว่า มีพนักงานบริษัทไม่มากนักที่โชคดีได้ร่วมงานกับ “เจ้านาย” ประเภทนี้

เจ้านายแบบไหนที่ลูกน้องต้องการ? เมื่อโลกยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็กระทบกับการทำงานของพนักงานบริษัท โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่า “รูปแบบการทำงาน” ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างเห็นได้ชัด เช่น เกิดการทำงานระยะไกล การทำงานที่บ้าน การทำงานแบบไฮบริด ฯลฯ ซึ่งหลายๆ องค์กรก็มีการปรับตัวในเรื่องนี้มาแล้ว

ล่าสุด.. บริษัทหลายแห่งก็ต้องเตรียมรับมือกับการเข้ามาของ AI ที่จะเข้ามาเขย่าธุรกิจในหลายๆ วงการ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีทำงานใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงนั้น ก็เลี่ยงไม่ได้จะเกิดความเห็นไม่ตรงกันระหว่างผู้นำกับผู้ตาม หรือระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายสามารถพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเห็นต่างกันไปคนละทางแล้วไม่หาทางออกร่วมกัน การทำงานด้วยกันก็คงไปต่อยาก

เมื่อเกิดวิกฤติการเปลี่ยนแปลง พนักงานจะต้องการความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น

คำถามคือ หัวหน้าแบบไหนที่ลูกน้องอยากได้ในช่วงเกิดวิกฤติการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไปพร้อมๆ กับการตั้งรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี

เรื่องนี้มีคำตอบจาก เคทลิน ดัฟฟี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลก ได้เคยอธิบายไว้ว่า เมื่อมีวิกฤติการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะภายในและภายนอกองค์กร พนักงานส่วนใหญ่สะท้อนความเห็นตรงกันว่า พวกเขาต้องการความเห็นอกเห็นใจและความยืดหยุ่นจากเจ้านายมากขึ้นกว่าเดิม 

ยกตัวอย่างกรณีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัท Gartner ได้ทำการวิจัยอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับหัวข้อ สิ่งที่พนักงานคาดหวังจาก “ผู้นำ” ของตนในช่วง 2-3 ปีที่เกิดการแพร่ระบาด ผ่านการสำรวจความเห็นและสัมภาษณ์เฉพาะจากพนักงานหลายพันคน ในที่สุดผลสำรวจพบว่า พนักงานล้วนต้องการผู้นำที่เรียกว่า “Human Leadership” หรือผู้นำที่มีความเป็นมนุษย์

Human Leadership คือผู้นำแบบไหน?

Human Leadership หมายถึง ผู้นำหรือหัวหน้าที่แสดงออกถึง “ความเห็นอกเห็นใจ” ต่อลูกน้องและคนรอบข้าง เป็นผู้นำที่มี “ทักษะการปรับตัว” เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของพนักงาน ให้การสนับสนุนลูกน้อง ส่งเสริมให้ลูกน้องกล้าแสดงออก-แสดงความคิดเห็น สร้างบรรยากาศการทำงานที่มีความสุขในออฟฟิศเพื่อช่วยให้ทีมมีประสิทธิผล (Productivity) มากขึ้น 

อย่างไรก็ตามดัฟฟีบอกว่า น่าเสียดายที่เจ้านายประเภทนั้นยังพบได้น้อย จากการสำรวจของ Gartner ในปี 2022 พบว่า มีพนักงานเพียง 29% เท่านั้น ที่รายงานว่าพวกเขาได้ร่วมงานกับผู้นำที่มีความเป็นมนุษย์ ที่เหลืออีก 71% ไม่ได้ร่วมงานกับผู้นำประเภทนี้ ซึ่งดัฟฟีมองว่า นั่นเป็นปัญหา! 

เนื่องจากในช่วงเวลาที่มีวิกฤติการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม พนักงานจะต้องการความเห็นอกเห็นใจและความยืดหยุ่นจากผู้นำมากกว่าทุกครั้ง พวกเขาจะคาดหวังว่าผู้นำในที่ทำงานจะตอบสนองความต้องการส่วนตัวทั้งหมดที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากขึ้นได้ ดังนั้น หากผู้นำมีลักษณะของการเป็น Human Leadership ก็จะช่วยจัดการปัญหาต่างๆ และยังคงประคองให้การทำงานมีประสิทธิภาพท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ผู้นำแบบ Human Leadership ดีต่อทั้งลูกน้องและองค์กร

ไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จาก Human Leadership แต่ตัวองค์กรหรือบริษัทเอง ก็จะได้รับประโยชน์จากผู้นำประเภทนี้เช่นกัน กล่าวคือ ผู้นำแบบ Human Leadership มีแนวโน้มที่จะทำให้พนักงานภายในบังคับบัญชาเข้ามามีส่วนร่วมกับงานมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีขึ้น ตามการวิจัยของ Gartner พบว่าความเป็นอยู่โดยรวมของพนักงานดีขึ้น ทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่พวกเขาจะอยู่กับบริษัทต่อไป แทนที่จะมองหางานใหม่

แล้วผู้นำแบบ Human Leadership นั้นจะต้องมีคุณลักษณะและความโดดเด่นด้านใดบ้าง? เคทลิน ดัฟฟี่ สรุปมาให้ดังนี้

1. เป็นตัวจริง ไม่เสแสร้ง
เจ้านายที่แสดงตัวตนแท้จริงออกมาโดยไม่เสแสร้ง จะกระตุ้นให้พนักงานกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็นในที่ทำงาน เช่น พวกเขามักจะเชิญชวนพนักงานให้แบ่งปันแนวคิดใหม่ๆ กับทีม หรือแสดงความรู้สึกในระหว่างเหตุการณ์ทางสังคมและการเมืองอันตึงเครียดที่เกิดขึ้นในโลก พวกเขาจะทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะแบ่งปันความคิดและความรู้สึกด้วยการเปิดใจตนเองก่อน

2. เป็นผู้รับฟัง มีความเข้าอกเข้าใจ
ผู้นำประเภทนี้จะแสดงออกถึงความเอาใจใส่ ความเคารพ และความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของพนักงานอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นหรือตระหนักถึงความยากลำบากของพนักงาน ทั้งในเนื้องานและปัญหาส่วนตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเบิร์นเอาท์ ปัญหาสุขภาพจิต หรือเหตุฉุกเฉินในครอบครัวของพนักงาน พวกเขาถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยในที่ทำงานเพื่อให้พนักงานกล้าที่จะพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาและประสบการณ์ส่วนตัวของตน 

3. มีทักษะการปรับตัวได้อย่างดี
ผู้นำที่มีความสามารถในการปรับตัว หมายถึง การเป็นหัวหน้างานที่ให้ความยืดหยุ่นแก่พนักงาน และสามารถทำความเข้าใจได้ว่าความต้องการเฉพาะของพนักงานแต่ละคนคืออะไร และสนับสนุนพวกเขาในลักษณะที่ปรับให้เหมาะกับพวกเขาโดยเฉพาะ เช่น ยืดหยุ่นเกี่ยวกับการทำงานที่บ้านได้ในบางวัน หรืออนุญาตให้ลาหยุดพักเมื่อพนักงานเกิดเหนื่อยล้าทางจิตใจอย่างมาก เป็นต้น