ความสำคัญ 'วันมาฆบูชา 2566' พร้อมแนะเทคนิคเวียนเทียน

ความสำคัญ 'วันมาฆบูชา 2566' พร้อมแนะเทคนิคเวียนเทียน

ความสำคัญ "วันมาฆบูชา 2566" ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 6 มีนาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือนสี่ (4) พร้อมแนะเทคนิคเวียนเทียน

"วันมาฆบูชา" เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง ตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้น วันมาฆบูชา ก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ หรือมีนาคม 

ซึ่งเกิดเหตุการณ์สำคัญที่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 1,250 รูปมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมาย และมีเหตุอัศจรรย์พร้อมกัน 4 ประการ หรือที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และในวันนี้พระพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาฏิโมกข์" วันแสดงธรรมที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่สำคัญของพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น อันประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 มีเนื้อหาโดยสรุปคือ ให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส 

เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อม ๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่

  1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
  2. มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  3. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
  4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

ความสำคัญ \'วันมาฆบูชา 2566\' พร้อมแนะเทคนิคเวียนเทียน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

 

กรมการศาสนา ให้ข้อมูลว่า การปฏิบัติ วันมาฆบูชา ในประเทศไทยปรากฏครั้งแรกในสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 

โดยมีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและวัดราชประดิษฐ์ 30 รูป ฉันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำเสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่อง มนัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไปมีสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วย สวดมนต์จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบ พระอุโบสถ 1,250 เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและภาษาไทย

ในอดีตมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไปให้พุทธบริษัทได้ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบันมีการบูชาด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่างๆ 

 

ความสำคัญ \'วันมาฆบูชา 2566\' พร้อมแนะเทคนิคเวียนเทียน

 

กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติใน "วันมาฆบูชา 2566"

วันมาฆบูชา พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมทำบุญตักบาตรในตอนเช้า และตลอดวันจะมีการบำเพ็ญบุญกุศลความดีอื่นๆ เช่น ไปวัดรับศีล งดเว้นการทำบาปทั้งปวง ถวายสังฆทาน ให้อิสระทาน (ปล่อยนก ปล่อยปลา) ฟังพระธรรมเทศนา และไปเวียนเทียนรอบโบสถ์ในเวลาเย็น

ก่อนทำการเวียนเทียนพุทธศาสนิกชนควรร่วมกัน "ปฏิบัติภาวนา" ใน "วันพระอุโบสถ" ซึ่งเป็นหน้าที่ตามปกติของชาวพุทธ กล่าวคำสวดมนต์และคำบูชาในวันมาฆบูชา โดยปกติตามวัดต่างๆจะจัดให้มีการทำวัตรสวดมนต์ก่อนทำการเวียนเทียน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมทำการเวียนเทียนอย่างเป็นทางการ (โดยมีพระภิกษุสงฆ์นำเวียนเทียน) ในเวลาประมาณ 20 นาฬิกา

 

ขั้นตอนการ "เวียนเทียน" มีดังนี้

  • ชำระร่างกายและจิตใจ

ด้วยการอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย

  • เตรียม 3 สิ่งคือ

ดอกไม้ 1 คู่ (ดอกบัว ดอกดาวเรือง ดอกกล้วยไม้ หรือพวงมาลัยดอกไม้สำหรับถวายพระ) ธูป 3 ดอก และ เทียน 1 เล่ม

  • ไหว้พระประธานก่อน

แล้วค่อยออกมาตั้งแถวเตรียมตัวเวียนเทียน

  • เวียนประทักษิณาวัตรคือ

การเดินวนรอบโบสถ์ไปทางด้านขวามือ 3 รอบ พร้อมสวดมนต์ไปด้วยในแต่ละรอบ

  • บทสวดมนต์ เวียนเทียน

รอบที่ 1 : ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ โดยสวด "อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ" 

รอบที่ 2 : ให้ระลึกถึงพระธรรมคุณ โดยสวด "สวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม

รอบที่ 3 : ให้ระลึกถึงพระสังฆคคุณ โดยสวด "สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ"

  • ขณะเดินเวียนเทียน

ต้องสำรวมกาย วาจา ใจ และต้องระวังธูปเทียนไปโดนผู้อื่น

  • หลังจากเวียนเทียนครบ 3 รอบ

ให้นำดอกไม้ธูปเทียนไปปักบูชาตามจุดที่เตรียมไว้