'คนอ้วน' ใช่ว่าไม่รักตัวเอง เข้าใจทุกมิติ ลดเสี่ยงเกิดโรค

'คนอ้วน' ใช่ว่าไม่รักตัวเอง เข้าใจทุกมิติ ลดเสี่ยงเกิดโรค

'วันอ้วนโลก' ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคอ้วนเพิ่มขึ้นกว่า 40% ขณะที่ คนไทยเป็นโรคอ้วนกว่า 20 ล้านคน อันดับ 2 ของเอเชีย ขณะเดียวกัน ยังพบความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับความอ้วน ซึ่งมักถูกมองว่าเกิดจากพฤติกรรมที่ไม่ดูแลตัวเอง แต่ความจริงความอ้วนมีปัจจัยที่หลากหลายมากกว่านั้น

KEY

POINTS

  • โรคอ้วน จึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก คาดว่าในปี 2060 หากผู้ป่วยโรคอ้วนในไทยยังไม่ลดลง จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจมากถึงร้อยละ 4.9 ของ GDP
  • ขณะเดียวกัน โรคอ้วน ไม่ได้เกิดจากการที่ผู้ป่วยขาดวินัยในการดูแลตัวเองหรือความมุ่งมั่นในการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังมีหลายปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบด้วย
  • โรคอ้วน ไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงจิตใจด้วย ซึ่งพบว่า ในผู้ป่วยโรคอ้วนที่เป็นเพศหญิง 50% และเพศชาย 41% นั้นมีปัญหาด้านสุขภาพจิตรุนแรง

'วันอ้วนโลก' ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคอ้วนเพิ่มขึ้นกว่า 40% ขณะที่ คนไทยเป็นโรคอ้วนกว่า 20 ล้านคน อันดับ 2 ของเอเชีย ขณะเดียวกัน ยังพบความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับความอ้วน ซึ่งมักถูกมองว่าเกิดจากพฤติกรรมที่ไม่ดูแลตัวเอง แต่ความจริงความอ้วนมีปัจจัยที่หลากหลายมากกว่านั้น

ปัจจุบัน อัตราผู้ป่วยโรคอ้วนเพิ่มขึ้นกว่า 40% ขณะที่ คนไทยเป็นโรคอ้วนกว่า 20 ล้านคน อันดับ 2 ของเอเชีย และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี รายงานจาก BMJ Global Health ระบุว่า ในปี 2060 หากจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนในไทยยังไม่ลดลง จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจมากถึงร้อยละ 4.9 ของ GDP ประเทศไทย หรือคิดเป็นเงินประมาณ 8.53 แสนล้านบาท

 

โรคอ้วน จึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกที่ทุกคนควรให้ความสำคัญและร่วมมือกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โรคอ้วนไปในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมกับการสร้างความเข้าใจใหม่ๆ ว่า คนที่อ้วน น้ำหนักตัวเกิน อาจไม่ใช่คนที่ไม่รักตัวเองเสมอไป แต่ความอ้วนเกิดได้จากหายปัจจัยที่ส่งผลให้การลดความอ้วนไม่สำเร็จ

 

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เนื่องในวันอ้วนโลก (World Obesity Day) บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ สมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย, ชมรมศัลยศาสตร์โรคอ้วนแห่งประเทศไทย, ศูนย์บำบัดรักษาและป้องกันโรคอ้วนและโรคเมตาโบลิคแบบครบวงจร (ศูนย์รักษ์พุง) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 

รณรงค์ให้คนไทยรับรู้และเข้าใจผลกระทบจากโรคอ้วน การเปลี่ยนมุมมองและเข้าใจผู้ป่วยโรคอ้วน ให้ความรู้ในการป้องกันและรักษาโรคอ้วนอย่างถูกต้อง จนถึงการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้ผู้ป่วยก้าวไปสู่เป้าหมายการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและมีสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ นายกสมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย กล่าวว่า โรคอ้วนส่งผลกระทบร้ายแรงอย่างยิ่งต่อสุขภาพ อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคตับ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ปวดหลังเรื้อรัง โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็ง

 

โดยภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนทำให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจและงบประมาณของประเทศอย่างมาก เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคไต มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงถึง 134,000 – 421,000 บาท ต่อคนต่อปี

 

คนทั่วโลกกว่า 1 ใน 8 มีปัญหาภาวะอ้วน และอีก 10 ปี คาดการณ์ว่าสัดส่วนจะเป็น 1 ใน 4 อย่างไรก็ตาม ความอ้วนไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์แต่เป็นต้นเหตุโรคมากมาย หากไม่จัดการตั้งแต่ต้นตอจะเกิดความสูญเสียในระดับบุคคลและประเทศ สิ่งที่พูดมากที่สุด คือ มักโทษคนอ้วนว่ามาจากพฤติกรรม แต่ความจริงคนเหล่านี้อาจะพยายามดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ทำให้พยายามแล้วแต่ไม่ดีขึ้น

 

“การแก้ไขโรคอ้วนไม่ใช่แก้ที่ตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีส่วนอื่นเข้ามาช่วยด้วย มีกิจกรรมทางกาย มีอาหารที่ดี และนโยบายที่สร้างสิ่งแวดล้อม สังคมที่ดี”

 

 

พันธุกรรมส่งผลต่อความอ้วน

นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ความเห็นถึงสาเหตุของโรคอ้วนที่แท้จริงว่า ไม่ได้เกิดจากการที่ผู้ป่วยโรคอ้วนขาดวินัยในการดูแลตัวเองหรือความมุ่งมั่นในการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังมีหลายปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมที่ส่งผลต่อโรคอ้วนมากถึง 40-70%

 

ความเครียดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงให้น้ำหนักขึ้น สภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตที่มีกิจกรรมขยับเคลื่อนไหวร่างกายน้อยก็ส่งผลให้อ้วนได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งในมุมของปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินชีวิต ก็มีอิทธิผลต่อน้ำหนักที่มากเกินได้

 

“การลดน้ำหนักที่ถูกต้องไม่ใช่ห้ามทานอะไรเลย แต่ทานอย่างถูกสัดส่วน การลดน้ำหนักแบบไม่ทานอะไรเลยลดได้จริง แต่เมื่อกลับมาทานจะโยโย่เพราะมวลกล้ามเนื้อที่ใช้เผาผลาญหายไป” นพ.โอฬาริก กล่าว

 

อ้วน เสี่ยงซึมเศร้า 55%

ปัจจุบัน ยังมีผู้คนอีกมากที่ขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องโรคอ้วน รวมถึงทัศนคติเชิงลบต่อผู้ป่วยโรคอ้วนและผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้มุมมองว่า เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะโรคอ้วนไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงจิตใจด้วย ซึ่งพบว่า ในผู้ป่วยโรคอ้วนที่เป็นเพศหญิง 50% และเพศชาย 41% นั้นมีปัญหาด้านสุขภาพจิตรุนแรง

 

“ผู้ป่วยโรคอ้วนมีความเสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้ามากกว่า 55% และภาวะวิตกกังวลมากขึ้น 25% นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า การถูกบูลลี่ในเรื่องน้ำหนักเกินนั้นมากเป็นลำดับแรกในเด็กและวัยรุ่น ทั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยโรคอ้วนมักจะมีแนวโน้มเป็นภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนปกติถึง 1.34 เท่า ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าหากผู้ป่วยโรคอ้วนสามารถลดน้ำหนักได้อย่างน้อย 10% จะช่วยทำให้สุขภาพกาย คุณภาพชีวิต ความมั่นใจ สุขภาพทางเพศ การทำงานและสภาพจิตใจนั้นดีขึ้นได้ในทุกๆ ด้าน”

 

นอกจากนี้ โรคอ้วน ส่งผลเสียต่อระบบอวัยวะหลายระบบในร่างกาย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 

1.) ผลกระทบต่อระบบเมแทบอลิซึม ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจและความเสี่ยงอื่นๆ โดย 31% ของผู้ป่วยโรคอ้วนจะพบโรคภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจล้มเหลว รวมถึง โรคเบาหวานชนิด 2 พบ 31% ของผู้ป่วยโรคอ้วน โรคตับ 5% และภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ 9%

2.) ผลกระทบทางตรของโรคอ้วน ได้แก่ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ พบกว่า 23% ของผู้ป่วยโรคอ้วน ปวดหลังเรื้อรังกว่า 10% โรคข้อเสื่อม 16% และยังส่งผลต่อโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

 

รักษาผู้ป่วยโรคอ้วน

สำหรับการแก้ปัญหาและการรักษาผู้ป่วยโรคอ้วนในปัจจุบัน ศ.นพ.สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์บำบัดรักษาและป้องกันโรคอ้วนและโรคเมตาโบลิคแบบครบวงจร (ศูนย์รักษ์พุง) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อธิบายว่า ควรมีการพูดคุย สอบถามข้อมูลให้ทราบถึงพฤติกรรมในการใช้ชีวิต การทานอาหาร การออกกำลังกายหรือกิจกรรมการเคลื่อนไหวของร่างกายในแต่ละวัน รวมถึงข้อมูลสุขภาพส่วนตัว เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงและหาแนวทางในการลดน้ำหนักที่เหมาะสมร่วมกัน

 

หากไม่ได้ผลอาจต้องใช้ยาในการรักษาร่วมด้วย ซึ่งในปัจจุบัน ยาที่ใช้ในการรักษาโรคอ้วนมีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยมากขึ้น ดังเช่น ยา GLP-1 analogues ในรูปแบบปากกาฉีดที่สามารถใช้ในการลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วนได้ ผู้ป่วยโรคอ้วนบางรายอาจต้องพิจารณาการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก

ซึ่งการผ่าตัดมีด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่

1. การใส่ห่วงรัดกระเพาะอาหาร

2. การผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร

3. การผ่าตัดบายพาส

 

ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินร่วมกับแพทย์สาขาที่เกี่ยวข้อง ร่วมปรึกษากับผู้ป่วยและผู้ดูแลด้วยกัน โดยแพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดเมื่อผู้ป่วยโรคอ้วนมีค่า BMI ตั้งแต่ 32.5 กก./ตร.ม. เป็นต้นไป และมีโรคร่วมที่เป็นภาวะแทรกซ้อน หรือผู้ป่วยที่มีค่า BMI มากกว่า 37.5 กก./ตร.ม.

 

เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ลดอ้วน

ดร.พิมพนิต คอนดี ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์ Nudge Thailand ให้ข้อมูลถึงการนำเรื่องพฤติกรรมศาสตร์มาปรับใช้กับผู้ป่วยโรคอ้วนหรือผู้มีน้ำหนักเกินได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ “การไม่อ้วน” เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน

 

อาทิ การเตรียมชุดและอุปกรณ์การออกกำลังกายไว้ข้างเตียงให้พร้อม การจัดตู้เย็นให้มีอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ การจัดเตรียมของว่างหรือขนมเบรคที่ลดความหวานมัน นอกจากนี้ การสร้างกลุ่มเพื่อนที่ชอบออกกำลังด้วยก็จะช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ด้าน เอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัทโนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงงานครั้งนี้ว่า เป้าหมายการจัดงานวันอ้วนโลกในปีนี้ เป็นความมุ่งมั่นที่จะสร้างการตระหนักรู้และให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าใจว่าโรคอ้วนเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลก (Global health issue) ที่มีผลกระทบต่อผู้คนมากมายในประเทศ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐควรมีการทำงานร่วมกันเพื่อการยกระดับมาตรการและผลักดันเป้าหมายสู่การลดจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนในประเทศไทย

 

สำหรับประเทศไทยในปีที่ผ่านมาพบว่า คนไทยป่วยด้วยโรคอ้วนกว่า 20 ล้านคน และประชากร 1 ใน 3 คน ป่วยด้วยโรคอ้วน จึงทำให้โรคอ้วนเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิดมาก ดังนั้น การลดอัตราผู้ป่วยโรคอ้วนจึงเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย เพราะประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มของการเป็นโรคอ้วนและมีน้ำหนักเกินมาตรฐานสูงขึ้นทุกปี

 

"โนโว นอร์ดิสค์ มุ่งมั่นในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนายา นวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนให้ความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรต่างๆทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลดจำนวนผู้ป่วยในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ โรคอ้วน และเบาหวาน" เอ็นริโก้ กล่าว