'เวลเนสอีโคโนมี' ตลาดโลก 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ ไทยยังมีส่วนแบ่งไม่ถึง 1 %

'เวลเนสอีโคโนมี' ตลาดโลก 6.3 ล้านล้านดอลลาร์  ไทยยังมีส่วนแบ่งไม่ถึง 1 %

เวลเนสอีโคโนมี โอกาสประเทศไทย  มูลค่าตลาดโลก 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ อีก 3 ปีขยับเป็น 9 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยยังมีส่วนแบ่งไม่ถึง 1 % ภาคเอกชนชี้ภาครัฐต้องขยับปลดล็อกกฎหมายสุขภาพ เอื้อสร้างเวลเนสอีโคซิสเต็ม  

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2568 ที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ภายในงาน 55 Nation Group  THAILAND’s NEW PROSPECT ส่วนของ Panel Discussion : The Future of Wellness Economy  ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ในปี 2023 มูลค่าทั่วโลกของเวลเนสอีโคโนมี ( Wellness Economy) อยู่ที่ 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ และจะขยับเป็น 9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี  2028  โดยสัดส่วนเป็นเรื่อง Personal Care& Beauty มูลค่ามากสุดที่ 1,213  พันล้านดอลลาร์ ,Healthy Eating,Nutrition & Weight Loss มูลค่า 1,096 พันล้านดอลลาร์  และPhysical Activity 1,060 พันล้านดอลลาร์ แต่ประเทศไทยยังมีมาร์เก็ตแชร์เพียง 0.57 % ไม่ถึง  1 %

ส่วนแนวโน้มเติบโต และเป็นโอกาสทางธุรกิจ คือ อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) มีการลงทุนเติบโตมากที่สุด 18.1 % เพราะตอบโจทย์การอยู่ระยะยาวของลูกค้าและสังคมผู้สูงอายุ , Prevention&Personalized Medicine 15.2 % และสุขภาพจิต (Mental Health) 11.6 %
 ดร.อาทิรัตน์ กล่าวด้วยว่า  สำหรับเรื่องของWellness ไทยมีจุดแข็งที่สำคัญที่สุดคือ Thai Hospitality อาหารไทยที่อร่อย และความเป็นมิตรต่อผู้คน อย่างที่ รพ.บำรุงราษฎร์ การให้บริการเวลเนสมีประสิทธิภาพ คนมาใช้บริการตรวจฮอร์โมน วิตามิน  ยีน และตรวจอายุสุขภาพ ทำให้เป็นการตัวกรองลูกค้าส่งต่อมายังภาคของการรักษา

'เวลเนสอีโคโนมี' ตลาดโลก 6.3 ล้านล้านดอลลาร์  ไทยยังมีส่วนแบ่งไม่ถึง 1 %

ขณะที่ Longevity สามารถแทรกซึมไปในธุรกิจโรงพยาบาลได้ทุกที่ ไม่เฉพาะคนที่ไม่ป่วยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่ป่วยด้วย อย่างเช่น ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs) หากสามารถพยากรณ์ และป้องกันได้ก็จะช่วยยืดอายุ และบางคนหยุดกินยาได้ เป็นต้น  ซึ่งหลายๆ ประเทศต้องการให้ไทยเข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้ 

นอกจากนี้  การใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพ การมีอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable device) สามารถมอนิเตอร์การนอนหลับ และสุขภาพได้ และในอนาคต AI จะสามารถแนะนำโภชนาการที่เหมาะสมได้ด้วย  อีกไม่นานนวัตกรรมเหล่านี้จะมาถึงอย่างแน่นอน

 “สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐหนุนเสริม คือ เรื่องของการเทรนด์บุคลากร และเรื่องการลิงก์กับต่างประเทศในเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ให้องค์ความรู้มาถึงคนไทย ซึ่งตอนนี้การเอาเทคโนโลยีเข้ามามีกฎมากจริงๆ  เพราะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(FDA) ยังไม่อนุมัติ จึงอยากให้เพิ่มเรื่องความรวดเร็วของการให้ใช้เทคโนโลยี เพราะต่างประเทศใช้ไปมากแล้ว สิงคโปร์ มาเลเซียใช้หมดแล้ว”ดร.อาทิรัตน์ กล่าว   

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม  รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การท่องเที่ยวที่ดีจะวัดที่เรื่องมูลค่ามากกว่าปริมาณ โดยเบสต์เคส คือ มีค่าใช้จ่ายต่อวัน ต่อคนสูง และพำนักอยู่นาน ซึ่งเมดิคัล และเวลเนสทัวร์ริสซึม ตอบโจทย์การท่องเที่ยวไทยได้ดีทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายสูง และการพำนักนาน 

นายภูมิกิตติ์ กล่าวอีกว่า ในการขับเคลื่อนเวลเนสอีโคโนมีจะต้องดำเนินการ  1.ประเทศไทยต้องเปลี่ยนจากการเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยในวันหยุด เป็นมาเพื่อทรานฟอร์เมชัน หาประสบการณ์บางอย่าง ดีท็อกซ์ตัวเองไปสู่ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น  โดยประเทศไทยมีความเหมาะมากด้วยที่ตั้งของประเทศ และบริการในแบบไทย ซึ่งการลงทุนในเรื่องเวลเนสจะชนะกันที่เรื่องของบริการเป็นสิ่งที่ประเทศไทยได้เปรียบ

'เวลเนสอีโคโนมี' ตลาดโลก 6.3 ล้านล้านดอลลาร์  ไทยยังมีส่วนแบ่งไม่ถึง 1 %

2.Wellness Tourism และ Domestic Longevity การจะทำให้ประเทศไทยโดดเด่นในเรื่องเวลเนสทัวร์ริสซึม และการมีอายุยืนยาวแบบสุขภาพดี นโยบายภาครัฐจะต้องทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีก่อน  โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิต เพราะหากคนในประเทศยังสุขภาพไม่ดีแล้วจะให้ต่างชาติเชื่อมั่นการมาดูแลสุขภาพในประเทศไทยได้อย่างไร 

จึงขอท้าทายไปยังภาครัฐว่ามีการมองเรื่องนี้แล้วหรือไม่ อย่ามองการท่องเที่ยวเป็นเดอะแบกแล้วละเลยการดูแลสุขภาพของคนในประเทศ  และ3.Wellness Ecosystem  จะต้องมีการทบทวนกฎหมายสุขภาพเพื่อก่อให้เกิดเวลเนสอีโคซิสเต็ม  โดยเฉพาะเรื่องของการผลิตบุคลากรที่ปัจจุบันมีความยาก ขณะที่จำนวนไม่เพียงพอทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล  

 “เหล่านี้ขอท้าทายภาครัฐ เพราะภาคเอกชนมีความพร้อมเสมอที่จะขับเคลื่อนเดินหน้า  แต่รัฐต้องพร้อมด้วย และอย่าคาดหวังการท่องเที่ยวแบบจุดธูป 3 ดอกแล้วได้ผล  แต่ต้องลงมือทำ ไม่ใช่การท่องเที่ยวเอาคนเข้ามา โดยละเลยอุปสรรคขัดข้องในประเทศไทย” นายภูมิกิตติ์ กล่าว

ตลาดฮาลาลเติบโต 

สำหรับตลาดเศรษฐกิจฮาลาลทั้ง 2 ท่านเห็นตรงกันว่าเป็นโอกาสของเวลเนส การท่องเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดฮาลาลมีการเติบโตมาก อย่างเช่น ชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางเข้ามาไทยเติบโต 300 %   เพราะมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังมีความต้องการเข้ามารักษาในไทย รวมถึง เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการตรวจยีน การแก้ปัญหาน้ำหนักเกิน และเป็นการเข้ามาพำนักอยู่นาน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์