คาด ‘วีโต้มติแพทยสภา’? ยกเหตุ 'ข้อมูลไม่พอ'-'ข้อเท็จจริงไม่ครบ'-ไม่ชอบ

คาด ‘วีโต้มติแพทยสภา’? ยกเหตุ 'ข้อมูลไม่พอ'-'ข้อเท็จจริงไม่ครบ'-ไม่ชอบ

ปมลงโทษแพทย์รักษาทักษิณ ข้อมูลกว่า 1,400 หน้าอาจไม่เพียงพอที่จะ “เห็นด้วย” กับมติแพทยสภา หรือ “แพทยสภารับฟังข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน”  ส่งผล “สมศักดิ์” อาจ “วีโต้”

KEY

POINTS

  • ปมลงโทษแพทย์รักษาทักษิณ  3 คน 30 พ.ค.นี้ สิ้นสุดระยะเวลา 15 วัน จะได้รู้ว่า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สธ.ในฐานะสภานายกพิเศษ จะเห็นด้วย หรือ วีโต้มติแพทยสภา 
  • ปมลงโทษแพทย์รักษาทักษิณ 3 คน ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุการณ์ หลัง 8 พ.ค.2568 ที่แพทยสภามีมติ ก่อนตามมาด้วยการร้องเรียนของผู้ที่คาดว่าถูกลงโทษ และปมสงสัยจนมีการเรียกเอกสารเพิ่มเติม
  • ปมลงโทษแพทย์รักษาทักษิณ 3 คน คาดเดา“สมศักดิ์” อาจ “วีโต้” ด้วยเหตุข้อมูลไม่เพียงพอต่อ หรือ“แพทยสภารับฟังข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน” หรือ“อนุกรรมการฯยังมีความเห็นไม่ตรงกัน” อาจเป็นการ "ไม่ชอบ"หรือไม่

ภายในวันที่ 30 พ.ค.2568 จะครบกำหนด 15 วันที่สภานายกพิเศษ แพทยสภา จะมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อ มติแพทยสภา กรณีการลงโทษแพทย์รักษาทักษิณ 3 คน  

“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สธ. จะ “นิ่งเฉย” เป็นการแสดงถึงการ “เห็นด้วย”กับมติแพทยสภา หรือ “ยับยั้ง” (วีโต้) ที่จะส่งผลให้แพทยสภาต้องนำกลับไปพิจารณาใหม่ ว่าจะยืนตามมติเดิม หรือเปลี่ยนแปลงตามการยับยั้งของสภานายกพิเศษ โดยจะต้องได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภาทั้งหมด หรือราว 47 คน จากทั้งหมด 70 คน 

แน่นอนว่า ประเด็นที่ “สภานายกพิเศษ”ซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแพทย์  จะใช้เป็นเหตุผลในการพิจารณา “เห็นด้วย” หรือ “วีโต้” คงไม่ใช่เกี่ยวข้องกับ “เรื่องของการรักษา” ถูกหรือผิดหลักวิชาการทางการแพทย์

สิ่งที่จะใช้เป็นหลักพิจารณา คงเป็น“ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กระบวนการพิจารณาของแพทยสภา” ครบถ้วน ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่  ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะหยิบยกกฎหมายที่เป็นข้อบังคับแพทยสภาเท่านั้น หรือจะไปเอากฎหมายที่เป็นระเบียบปฏิบัติของรพ.ราชทัณฑ์และรพ.ตำรวจมาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากแพทย์ 3 ท่านนั้นสังกัดอยู่ใน 2 หน่วยงานนี้
แต่ต้องไม่ลืมว่าเรื่องที่แพทยสภาพิจารณานั้น คือ “จริยธรรมวิชาชีพแพทย์”  โดยเหตุที่”ลงโทษ”นั้น เป็นเพราะ “ประกอบวิชาชีพไม่ได้มาตรฐาน” และ “ให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง” เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับ “การตรวจรักษา”
คาด ‘วีโต้มติแพทยสภา’? ยกเหตุ 'ข้อมูลไม่พอ'-'ข้อเท็จจริงไม่ครบ'-ไม่ชอบ

ไทม์ไลน์เหตุการณ์หลังแพทยสภามีมติ

เมื่อลองไล่เรียงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น หลังวันที่ 8 พ.ค.2568 ซึ่งแพทยสภามีมติลงโทษ 3 แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทักษิณ ชินวัตร โดย 1 คน ว่ากล่าวตักเตือนในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

ไทม์ไลน์นี้ อาจทำให้หลายฝ่ายพอจะ“คาดเดา” ความเห็นของสภานายกพิเศษได้แล้วว่าจะออกมาใน “รูปแบบใด”

  • เมื่อวันที่ 9 – 12 พ.ค. เป็นวันหยุดราชการ 
  • เมื่อวันที่ 13 พ.ค. แพทยสภาส่งเอกสารไปให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งใช้เวลาเพราะเอกสารมีความสำคัญ มีผลทางกฎหมาย จึงแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2568
  • เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นายเนติธร หลินหะตระกูล ทนายความส่วนตัวของ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ที่เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษแพทยสภา โดยมีนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับเอกสารคำร้องจาก
  • เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายสุรินทร์ สู่สวัสดิ์ นำทีมทนายความที่ได้รับมอบจาก พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ โดยมีนายกองตรี ธนกฤต รับมอบหนังสือ
  • เมื่อวันที่ 15 พ.ค. รศ.นพ.ต่อพล วัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ในฐานะคณะกรรมการแพทยสภา (บอร์ดแพทยสภา) ส่งมติที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม โดยมีการกล่าวโทษแพทย์ 3 ท่าน จากโรงพยาบาล(รพ.) ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ถึง นายสมศักดิ์  โดยมี นายกองตรี ธนกฤต  เป็นผู้แทนรับมอบหนังสือ

รายละเอียดของเอกสาร 95 หน้า มีผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการด้านจริยธรรม, ผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการสอบสวนความผิด, ผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง และผลการพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่

  • เมื่อวันที่  16  พ.ค.  นายสมศักดิ์ขอเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทยสภา ,นายสมศักดิ์แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณา ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 โดย 8 ใน 10 คนเป็นนักกฎหมาย และอีก 2 คนเป็นแพทย์ หนึ่งในนี้รวมนายกองตรี ธนกฤตด้วย
  • ราววันที่ 19-20 พ.ค. แพทยสภาส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่นายสมศักดิ์ร้องขอ เป็นเอกสารอีกราว 1,400 หน้า จากเดิมที่เคยยื่นข้อมูลมติแพทยสภาความยาว 95 หน้าให้ไปเมื่อ 15 พ.ค.2568
  • เมื่อวันที่ 20 พ.ค.  คณะกรรมการ 10 คนที่สมศักดิ์ตั้งขึ้นประชุมนัดแรก และขอเอกสารเพิ่มเติม ในส่วนการพิจารณาของอนุกรรมการกลั่นกรองผลการสอบสวนและเสนอความเห็นต่อแพทยสภา คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองผลการสอบสวนและรายงานการประชุมของอนุกรรมการ สอบสวนทั้งหมด
  • เมื่อวันที่ 22 พ.ค. แพทยสภายันให้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว  ส่วนที่กรรมการ 10 คนขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนุกรรมการกลั่นกรอง โดยเฉพาะในส่วนของ “รายชื่อ”นั้น ไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากอนุกรรมการฯเป็นที่ปรึกษาพิเศษแพทยสภา เป็นบุคคลภายนอก และการเปิดเผยคำสั่งแต่งตั้ง จะมีผลกระทบต่อความอิสระในการตัดสินใจและการให้ความเห็นรวมถึงผลกระทบในด้านอื่นๆ
    คาด ‘วีโต้มติแพทยสภา’? ยกเหตุ 'ข้อมูลไม่พอ'-'ข้อเท็จจริงไม่ครบ'-ไม่ชอบ

คาดเดาเหตุผล “วีโต้มติแพทยสภา”

“10 กรรมการทีมสมศักดิ์” ถูกตั้งคำถามว่ามาเพื่อพิจารณา “หาช่องโหว่” ที่จะใช้เป็นเหตุผลของการ “วีโต้แพทยสภา”หรือไม่ 

นายกองตรี ธนกฤต ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า คณะกรรมการชุดนี้มีทั้งคนแวดวงด้านกฎหมายและแพทย์ เพราะเรื่องนี้พิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประกอบกัน ส่วนการที่รมว.สธ.จะแต่งตั้งใคร ก็อยู่ที่ท่านไว้วางใจในการดูเอกสาร ทำความเห็นอย่างตรงไปตรงมาให้ท่าน ก็แต่งตั้งคนที่ท่านไว้วางใจในการพิจารณาเรื่องนี้

หากลองคาดเดาเหตุผลที่จะ "วีโต้" ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการหยิบยก "เอกสารช้อมูลที่ได้รับยังไม่เพียงพอที่จะเห็นด้วย"
หรืออาจจะเป็น “แพทยสภาทำไม่ครบขั้นตอนพิจารณาจริยธรรม” เห็นได้จากที่10 กรรมการขอเอกสารเพิ่มเติมไปยังแพทยสภานั้น เกี่ยวข้องกับ 1 ใน 7 กระบวนการพิจารณาของแพทยสภา คือ “ข้อมูลเกี่ยวกับอนุกรรมการกลั่นกรอง” ที่เป็นขั้นตอนก่อนที่จะนำเรื่องเข้าสู่ “กรรมการแพทยสภาชุดใหญ่”ลงมติ
ประหนึ่งสงสัยว่า “มีการพิจารณาของอนุกรรมการกลั่นกรองจริงหรือไม่?” จึงขอทราบรายชื่อกรรมการฯเพื่อยืนยันตัวตนว่า “มีจริง”และมีการ “พิจารณาจริง” หรือ “มีการล็อบบี้”หรือไม่ 
เพราะมีข้อมูลเบื้องลึก ระบุว่า “อนุกรรมการกลั่นกรองมีความเห็นควรลงโทษ 3 แพทย์”  ขณะที่ “อนุกรรมการสอบสวนเสียงข้างมาก เห็นว่าควรลงโทษตักเตือน ขณะที่เสียงข้างน้อยเห็นว่าควรลงโทษพักใบอนุญาต”
จะว่าไปเรื่องนี้แพทยสภา ก็ “เกือบพลาด” แต่ก็ “ไหวตัว”ทัน โดยก่อนหน้าที่จะประชุมกรรมการแพทยสภาในวาระพิจารณาจริยธรรมแพทย์ที่ถูกร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทักษิณในวันที่ 8 พ.ค.2568 เคยจะมีการนำเรื่องนี้เข้ามาก่อนแล้ว

แต่ช่วงเวลานั้น “ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการกลั่นกรอง” ครั้งนั้นจึงไม่ได้นำเข้ามาบรรจุเป็นวาระให้กรรมการแพทยสภาพิจารณา เนื่องจากต้องเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองก่อน 
แพทยสภายืนยันว่า 7 กระบวนการพิจารณาจริยธรรมนั้น ดำเนินการครบถ้วนตั้งแต่เมื่อมีผู้ร้องเรียน 1.อนุกรรมการจริยธรรมพิจารณา 2.อนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา 3.คณะกรรมการแพทยสภาพิจารณามีมูล 4.อนุกรรมการสอบสวนดำเนินการ 5.อนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา 6.คณะกรรมการแพทยสภาพิจารณา และ7.สภานายกพิเศษพิจารณา
นอกจากนี้ ยังเป็นไปได้ด้วยว่าอาจจะ “วีโต้” โดยยกเหตุจากที่มีผู้มายื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ“กระบวนการของแพทยสภา” ในลักษณะที่ว่า “รับฟังข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วน” เนื่องจากผู้ที่ร้องเรียนต่อสภานายกพิเศษ ระบุว่า "มีเอกสารข้อเท็จจริงที่แพทยสภายังไม่ได้ร้องขอนำมาใช้พิจารณา"

และก็เป็นไปได้ด้วยว่าจะยกเหตุว่า “อนุกรรมการฯยังมีความเห็นแย้งกันอยู่” จนอาจกลายเป็น "ช่องโหว่" ต่อไปสู่ประเด็น การพิจารณาของอนุกรรมการฯไม่ชอบ เท่ากับมติแพทยสภาไม่ชอบด้วยหรือไม่
คาด ‘วีโต้มติแพทยสภา’? ยกเหตุ 'ข้อมูลไม่พอ'-'ข้อเท็จจริงไม่ครบ'-ไม่ชอบ

30 พ.ค.สิ้นสุดกำหนดเวลา “สมศักดิ์”วินิจฉัย

26 พ.ค.2568 กรรมการ 10 คนที่สมศักดิ์ตั้งขึ้นจะ “สรุปความเห็น”เป็นรายบุคคลให้กับนายสมศักดิ์ โดยอย่างช้าจะส่งให้ถึงมือในวันที่ 27 พ.ค. และสภานายกพิเศษจะมีเวลาราว 2-3 วันเพื่อวินิจฉัย และส่งกลับให้แพทยสภา

วันที่ 30 พ.ค.นี้ จะได้รู้ว่าที่มีเสียงย้ำหนักแน่นว่า จะพิจารณาจาก “ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย”นั้น ผลออกมาเป็นอย่างไร

และจะยกเหตุผลของ “ผู้ร้องขอความเป็นธรรมต่อสภานายกพิเศษ”มาใช้พิจารณาหรือไม่ เพราะไม่มีใครรู้นอกจากนายสมศักดิ์ และกรรมการแพทยสภาว่า “3 แพทย์”ที่ถูกลงโทษนั้น จะเป็นคนเดียวกันกับคนที่มายื่นขอความเป็นธรรมกับนายสมศักดิ์หรือไม่   

ทว่า ก็มีเสียงลือแพร่สะพัดในแวดวงว่ากำลังมีการ “ล็อบบี้” กรรมการแพทยสภา เพื่อไม่ให้เข้าประชุมหรือมีมติกลับคำลงโทษ ในวันที่ 12 มิ.ย.2568 ที่เป็นการประชุมกรรมการแพทยสภาวันครั้งแรก หลังได้รับ “ความเห็นจากสภานายกพิเศษ”กลับมา 

กระทั่ง กรรมการแพทยสภาหลายท่าน ออกมาแสดง “จุดยืน”ว่า “จะเข้าร่วมประชุมแน่นอน”

จับตามองอย่ากระพริบ เพราะกระบวนการทั้งหมดเหล่านี้ ไม่เพียงจะสะท้อน “จริยธรรมแพทย์” แต่ยังสะท้อน “จริยธรรมนักกฎหมาย” และ “จริยธรรมนักการเมือง”ด้วย