ไทยรุกเบอร์ 1 ศูนย์กลาง 'บริการแปลงเพศ' คู่ความงาม-IVF-ทันตกรรม

บอร์ดเวลเนสและเมดิคัลฮับ มีมติเห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนไทยศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ด้านศูนย์กลางรักษาพยาบาลมุ่งส่งเสริม 4 เรื่อง ชู "บริการแปลงเพศ"
KEY
POINTS
- บอร์ดเวลเนสและเมดิคัลฮับ มีมติเห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนไทยศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 5 เรื่อง ด้านศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาลมุ่งส่งเสริม 4 ธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมบริการ“บริการแปลงเพศ”
- หนึ่งในบริการที่ถูกผลักดันคือ บริการแปลงเพศ ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญและสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางของ Medical Tourism ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแปลงเพศเฉลี่ยอยู่ที่ 480,000 บาทต่อคน
- มีการขับเคลื่อนมาตรการรองรับบริการแปลงเพศ พร้อมแคมเปญ "Thailand: Equality & Excellence in Health" ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ระดับโลก เชื่อมโยงการแพทย์กับสมรสเท่าเทียมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวสุขภาพและกลุ่ม LGBTQ+
จากที่ประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม อนุญาตให้คนเพศเดียวกันสมรสกันได้รวมถึงสิทธิตามกฎหมายอื่น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2568 นับเป็นประเทศไทยที่ 3 ในเอเชียนั้น
เรื่องนี้ไม่เพียง ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ความหลากหลาย และความเท่าเทียมของความหลากหลายทางเพศ แต่ยังมีผลสืบเนื่องมาสู่การขับเคลื่อนเรื่องของเศรษฐกิจด้วย อย่างเช่น ในช่วงเดือนมิ.ย.ของทุกปีได้มัการจัดเทศกาลบางกอกไพรด์
สำหรับในปี 2568 จัดงานเทศกาล Bangkok Pride Festival 2025 ภายใต้แนวคิด Born This Way แต่ขบวน Pride ไม่ได้จำกัดอยู่ในกรุงเทพมหานคร จะเกิดขึ้นในกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยในวันที่ 1 มิถุนายน 2568 จะมีขบวนพาเหรด Bangkok Pride
บริการแปลงเพศ เป้าหนึ่งเวลเนสแอนด์เมดิคัลฮับ
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยไทยให้เป็นย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) หรือบอร์ดเวลเนสและเมดิคัลฮับ ที่มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยไทยให้เป็นย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) เมื่อเร็วๆนี้
ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ แผนแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) พ.ศ. 2568 - 2577 โดยในปี 2577 เป้าหมายประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง สุขภาพนานาชาติ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรของโลกและประเทศไทยมีการขยายตัวมูลค่าทางเศรษฐกิจ สุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ผ่านคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติทั้ง 6 คณะ ประกอบด้วย
1. คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาล (Medical Service Hub) ขับเคลื่อนประเด็นการส่งเสริมธุรกิจบริการด้าน คือ
- บริการสุขภาพและเวชศาสตร์ความงาม
- การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
- แปลงเพศ
- และ ทันตกรรมสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย
ส่งเสริมนวดไทย สมุนไพร ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
2. คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ขับเคลื่อนประเด็น ส่งเสริมบริการการดูแลสุขภาพ การนวดไทย และบริการ Wellness ของชาวต่างชาติ และสร้างคุณค่าในการบริการการดูแลสุขภาพ การนวดไทย และบริการ Wellness
3. คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ (Product Hub) ขับเคลื่อน ประเด็น สร้างคุณค่าในการบริการการดูแลสุขภาพ และบริการ Wellness ,ส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทย
4. คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางบริการวิชาการ (Academic Hub) ขับเคลื่อนประเด็น ยกระดับวิชาชีพด้านการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ,ส่งเสริมงานวิจัยสู่การแพทย์มูลค่าสูงและการสถาปนาสภาวิชาชีพด้านความงามในประเทศไทย และ การจัดตั้งสมาคมด้านวิชาการด้านผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Thailand Society of Cell & Gene Therapy (or ATMPs) : TS-CGT or TS – ATMPs Society
5. คณะอนุกรรมการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการด้านการแพทย์ และสุขภาพ (Health Convention and Exhibition Hub) ขับเคลื่อนประเด็นการสร้าง Ecosystem ในการเข้าร่วม ประชุมวิชาการในประเทศไทย เช่น การอำนวยความสะดวกแก่นักวิชาการต่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุม และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์
6. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจบริการสุขภาพและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ขับเคลื่อนประเด็น ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ มาตรการเพื่ออ านวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ และ จัดทำ Platform กลางของประเทศไทย E - Marketplace ด้าน Wellness & Medical เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ
มูลค่าทางเศรษฐกิจบริการแปลงเพศ
การผ่าตัดแปลงเพศ ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดจาก รพ.เอกชน ในประเทศไทย เฉลี่ย 480,000 บาท / คน (ข้อมูลจากการสำรวจปี 2564 - 2565 )
- จากชายเป็นหญิง ประมาณ 300,000 บาท / คน
- จากหญิงเป็นชาย ประมาณ 1,000,000 บาท / คน
ในการดำเนินการมีมาตรการ คือ
1.ความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพชูจุดขายประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพไม่แบ่งแยกเพศหรือสถานะ
2. การสนับสนุนบริการสุขภาพเฉพาะทางสำหรับ LGBTQ+
3. เชื่อมโยง Medical Tourism กับ สมรสเท่าเทียม
4. การ เสริมสร้างภาพลักษณ์ระดับโลกแคมเปญ “Thailand: Equality & Excellence in Health” และใช้สมรสเท่าเทียมเชื่อมโยงกับจุดแข็งความ เชี่ยวชาญด้านการแพทย์
5. การสนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมทาง การแพทย์ เช่น การวิจัยพัฒนาฮอร์โมนบำบัด (Hormone Therapy)







