มติแพทยสภาฟัน 3 แพทย์ ส่อทำไม่ครบขั้นตอน? คกก.ทีมสมศักดิ์ เรียกเอกสาร

มติแพทยสภาฟัน 3 แพทย์รักษาชั้น 14 ส่อทำไม่ครบขั้นตอน? คกก.ทีมสมศักดิ์ เรียกเอกสารกระบวนการพิจารณาเพิ่ม เหตุเป็นคำสั่งทางปกครอง ระวังเจอมาตรา 157 ย้ำ 29 พ.ค.ต้องจบ
จากที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาแต่งตั้ง คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 เพื่อพิจารณาและให้ความเห็นเกี่ยวกับมติแพทยสภากรณีลงโทษ 3 แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารักษาของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยให้ลงโทษว่ากล่าว 1 คน และพักใช้ใบอนุญาต 2 ท่าน ก่อนนำมาพิจารณาว่าจะยับยั้ง(วีโต้)หรือเห็นชอบตามมติแพทยสภาดังกล่าวภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 30 พ.ค.2568
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯดังกลบ่าวนัดแรกว่า คณะกรรมการเข้าประชุมครบทั้ง 10 คน และได้พิจารณาเรื่องแรกคือเอกสารแพทยสภาที่ส่งมาถึงสภานายกพิเศษรับมาแล้วจำนวนหนึ่งหลายพันหน้า
"คณะกรรมการฯมีความเห็นว่ามีเอกสารบางส่วนที่ยังขาด ในเรื่องขั้นตอนการพิจารณาต่างๆของแพทยสภาที่ผ่านมายังมีบางประเด็นที่สงสัย ทำให้คณะกรรมการฯมีความเห็นให้สภานายกพิเศษขอเอกสารเพิ่มเติมไปถึงแพทยสภา"นายกองตรีธนกฤตกล่าว
หากเอกสารที่ขอเพิ่มเติมไปส่งกลับมาจากแพทยสภาได้เร็ว ก็จะรีบสรุปเรื่องนี้เพราะมีกรอบระยะเวลาทำงานสั้น ซึ่งหากได้รับเอกสารทันสัปดาห์คณะกรรมการฯก็จะประชุมภายในสัปดาห์นี้ แต่หากไม่ทันหรือไม่ได้ส่งกลับมา คณะกรรมการฯก็จะพิจารณาภายในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ก่อนทำเป็นความเห็นรายบุคคคลของแต่ละกรรมการทั้ง 10 คนเพื่อเสนอให้สภานายกพิเศษพิจารณา
“คณะกรรมการฯมีหน้าที่ทำความเห็นในเรื่องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถือเป็นหลักในการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะในคณะกรรมการฯเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายหลายท่าน โดยจะแยกผพิจารณาผู้ถูกกล่าวโทษเป็นรายบุคคล จากนั้นเสนอต่อสภานายกพิเศษเ ส่วนการพิจารณาจะยับยั้งหรือเห็นชอบตามมติแพทยสภา เป็นการวินิจฉัยของสภานายกพิเศษที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งท่านจะต้องส่งความเห็นให้แพทยสภาหากจะกันเหนียวก็ในวันที่ 29 พ.ค.นี้”นายกองตรีธนกฤตกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเอกสารที่ขอเพิ่มเติมจากแพทยสภาเกี่ยวข้องกับเรื่องใด นายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาของแพทยสภาที่มีส่วนที่ยังขาด คือในส่วนของการพิจารณาของอนุกรรมการกลั่นกรอง เพราะดูจากเอกสารที่ส่งมานั้น แพทยสภามีความเห็นในแต่ละส่วนในการพิจารณาตั้งแต่การรับเรื่องราวร้องทุกข์ต่อเลขาธิการแพทยสภา ส่งแพทยสภาพิจารณามีมูล ก็ส่งอนุกรรมการจริยธรรมเห็นว่ามีมูล ส่งเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองเห็นว่ามีมูลส่งให้แพทยสภาเห็นว่ามีมูลก็แต่งตั้งอนุกรรมการสอบสวนฯพิจารณา มีมติเรื่องการลงโทษ ส่งเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของแพทยสภาชุดใหญ่และมีมติลงโทษแพทย์
“เอกสารนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา เพราะคณะกรรมการฯแต่ละคนก็เป็นอิสระในการให้ความเห็น ยังไม่ได้มีข้อยุติการพิจารณาไปในแนวทางไหน โดยเอาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นตัวตั้ง ถ้าไปด้วยกันได้หรือมีบางส่วนที่ขาดก็พิจารณาเห็นต่างมติแพทยสภาได้ หรือถ้าเป็นไปอย่างที่แพทยสภาเสนอมาและข้อกฎหมายรองรับด้วย ก็เห็นด้วยตามมติแพทยสภาได้ด้วย”นายกองตรีธรกฤตกล่าว
ถามถึงกรณีคณะกรรมการฯบางคนมีความไม่เป็นกลางเนื่องจากเคยออกมาปกป้องคุณทักษิณ นายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า ต้องเปิดใจให้กว้าง กรณีนี้พิจารณาเรื่องของแพทยสภามีความเห็นลงโทษคุณหมอ เรื่องนี้พยายามไม่ด้กล่าวเรื่องการเมือง หรือบุคคลภายนอกอื่น หรือเรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมือง หากจะแสดงความเห็นส่วนตัวอย่างไรเป็นสิทธิ แต่ความเห็นของคณะกรรมการฯชุดนี้ตามแนวทางในการพิจารณาเรื่องแพทย์เป็นหลัก
นายกองตรีธนกฤต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมหลังการแถลงว่า ความเห็นส่วนตัว หากพิจารณาเอกสารทั้งหมดแล้วเห็นว่าอาจเข้าข่ายการกระทำผิดมาตรา 157 ของกรรมการแพทยสภาหรือไม่นั้น ส่วนตัวก็จะให้ความเห็นนเรื่องมาตรา 157 นี้ด้วย ส่วนจะไปดำเนินการอย่างไรต่อกับกรรมการแพทยสภาหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของแพทย์ผู้ถูกกล่าวโทษจากมติแพทยสภา
ด้านนายปิยะวัฒน์ ศิลปรัศมี ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อมีข้อบังคับหรือกระบวนการอะไรก็แล้วแต่ที่จะต้องให้สภานกยกพิเศษพิจารณานั้น ก่อนที่ท่านจะพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบจะมีกระบวนการตรวจสอบข้อบังคับของกองกฎหมายว่าเป็นไปตามกระบวนการหรือไม่ และข้อเท็จจริงครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนเสนอสภานายกพิเศษพิจารณา เป็นการปฏิบัติเหมือนกันทุกสภาสิชาชีพ เพราะกฎหมายบัญญัติไว้เช่นเดียวกัน
“เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็จะมีข้อบังคับว่าด้วยกระบวนการพิจารณาการสอบสวน เพราะฉะนั้น ก็ไปดูกระบวนการพิจารณาว่าครบถ้วนทุกกระบวนการหรือไม่ เพราะเป็นคำสั่งทางปกครอง ถ้าดูแล้วบกพร่องส่วนไหน ก็ขอข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเป็นหลักธรรมดาที่ปฏิบัติ ไม่ใช่เฉพาะเคสนี้ ข้อเท็จจริงใดที่ยังไม่ครบถ้วนก็ขอแพทยสภาเพิ่มเติม”นายปิยะวัฒน์กล่าว







